ตลท.ให้หุ้น TSR เริ่มเทรดใน SET วันแรก 19 มิ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 18, 2014 18:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ.เธียรสุรัตน์ (TSR) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคหมวดของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2557 ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,204 ล้านบาท

TSR ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ ผ่านระบบการขายตรงแบบชั้นเดียว (Single Level Direct Sales) ในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล รวมถึงในส่วนของภูมิภาค ด้วยการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์กรองน้ำด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทีมพนักงานขายตรงที่มีคุณภาพ และบริการหลังการขายที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้ปี 2556 TSR มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 16 จากมูลค่าตลาดเครื่องกรองน้ำที่ใช้ในครัวเรือนทั้งหมด

TSR มีทุนชำระแล้ว 344 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 258 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 86 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท เมื่อวันที่ 11 - 13 มิถุนายน 2557 มีมูลค่าระดมทุน 301 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน)เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายวีรวัฒน์ แจ้งอยู่ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เธียรสุรัตน์ (TSR) เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัท และช่วยยกระดับการดำเนินงานสู่การเป็นบริษัทมหาชนโดยบริษัทมีแผนที่จะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปใช้ในการสร้างโรงงานแห่งใหม่แห่งที่ 4 ขยายสาขาและศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับคุณภาพน้ำแต่ละพื้นที่ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขายที่ทันสมัยเพื่อตอบรับกับ Life Style ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ซึ่งการเข้าจดทะเบียนนั้นจะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TSR 3 ลำดับแรก ได้แก่ ตระกูลแจ้งอยู่ ถือหุ้น 67.20% ตระกูลศิริทรัพย์และวัชรธรรม ถือหุ้น 2.84% และนางสาวสุชีรา เตชาพลาเลิศ ถือหุ้น 2.62% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 16.32 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ไตรมาส 2/2556 ถึงไตรมาส 1/2557)หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้(Fully diluted)คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.21 บาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ