ขณะเดียวกัน บริษัทเชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ ในภาพรวมจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามาเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโครงการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับประโยชน์จากงานในส่วนนี้ด้วย จึงได้มีการเตรียมทีมงานสำหรับโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะเพื่อรองรับงานในส่วนนี้ไว้แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่างานต่างๆ ของภาครัฐฯที่เป็นการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์คาดว่าจะทยอยออกมาในปี 58 ดังนั้น คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากงานภาครัฐเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 20%
นอกจากนั้น บริษัทยังเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีงานขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างประมูลส่วนใหญ่เป็นงานภาคเอกชน อาทิ คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน รวมถึงห้างค้าปลีกต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้งานในมือ(Backlog)ของบริษัท ณ สิ้นปี 57 เพิ่มขึ้นมาเป็น 300 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 200 ล้านบาท
นายธัช กล่าวต่ออีกว่า บริษัทได้มีการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมในการเสนองานร่วมกันหากมีการประมูลโครงการขนาดใหญ่ในอนาคต รวมทั้งงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ที่ตั้งเป้าจะมีงานครบทุกประเทศภายใน 3-5 ปี
ปัจจุบันบริษัทได้เสนองานในพม่าไปแล้ว เป็นโครงการโรงแรม อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม เบื้องต้นมูลค่าโครงการราว 50 ล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 3/57 และบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาต่อเนื่องกับผู้ประกอบการด้านค้าปลีกในกัมพูชา ซึ่งบริษัทเสนองานเข้าไปแบบครบวงจรเริ่มตั้งแต่ออกแบบไปจนถึงบริหารงานก่อสร้าง คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
บริษัทยังได้เสนองานออกแบบให้กับลูกค้าในกลุ่มประเทศแอฟริกามากขึ้น เนื่องจากเป็นลูกค้าที่เคยร่วมงานและมีการเจรจาดำเนินโครงการต่างๆ มาแล้ว โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง PPS Design และ Swan&Maclaren Thailand ซึ่งเป็นบริษัทในเครือจะเริ่มมีงานเข้ามาอย่างน้อย 2 โครงการ