ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 175 ล้าน บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 140 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 280 ล้าน หุ้นและคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2557 โดยวัตถุ ประสงค์การใช้เงินในครั้งนี้ จะใช้ซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์ก่อสร้างโรงงานใหม่ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
เอ็กโซติค ฟู้ด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องซอสปรุงรสและ น้ำจิ้มต่างๆ, ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงเครื่องประกอบอาหาร, ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน และผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูปอื่นๆ ซึ่งมีสินค้ากว่า 250 สูตร ที่ส่งขายไปยังประเทศต่างๆ กว่า 50 ประเทศ ภายใต้ตราสินค้า EXOTIC FOOD, THAI PRIDE, FLYING GOOSE, COCO LOTO, COCO WATER และอื่นๆ ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกกว่าร้อยละ 99 ของ รายได้ทั้งหมด
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ เน้นการส่งออกเป็นหลัก ลูกค้าหลักบริษัทฯ คือกลุ่มประเทศในยุโรป โดยในไตรมาส 1/57 ลูกค้ากลุ่มประเทศยุโรปมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 76.39% อเมริกามีสัดส่วนอยู่ที่ 6.13% กลุ่มประเทศ อื่นๆ อีก 17.38% ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายในประเทศ 0.10% นอกจากนี้ ยอดขายบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ เป็นกลุ่มสินค้าหลักที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/57 ที่ผ่าน มา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 179.17 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 114.34 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 64.83 ล้าน บาท หรือ 56.7% กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 59.26 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 22.09 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 37.17ล้านบาท หรือ 168.27% ส่วนกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 14.02 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนอยู่ที่ (2.95) ล้านบาท
“ผลงานใน Q1/57 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถขายสินค้าปริมาณมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทใน Q1/57 ที่ผ่านมามีสัดส่วนอยู่ที่ 63.79% ของรายได้จากการขายสินค้าทั้งหมดที่ 179.17 ล้านบาท รวมทั้งจากการหาลูกค้าใหม่เพิ่มเติม มีกิจกรรมส่งเสริมการ ขาย และพยายามควบคุมต้นทุนการผลิตในช่วงที่ผ่านมา จากยอดขายที่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนลดลงตามผลของการประหยัดต่อขนาด สนับสนุนให้กำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ กำไรสุทธิใน Q1/56 ที่ผ่านมามีผลขาดทุน เป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเพื่อกลยุทธ์ทางการตลาด และรองรับการเติบโตในอนาคต อาทิ ค่าใช้จ่ายจากการปรับอัตราค่านายหน้า การรับพนักงานเพิ่มเติม รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ"นายจิตติพร กล่าว