ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะทำรายได้ให้ถึงจุดคุ้มทุนในระยะเวลา 3 ปี ในขณะเดียวกันจะสามารถมีกำไรได้ในระยะเวลา 5 ปี (57-61) ซึ่งปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของโฆษณาทางโทรทัศน์อยู่ที่ปีละ 6-7 หมื่นล้านบาท หากบริษัทฯมีส่วนแบ่งเพียง 1% ก็จะสามารถเข้าไปถึงจุดคุ้มทุนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
"การเมืองที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ลูกค้าเริ่มให้สัญญาณที่จะกลับมาใช้จ่ายงบด้านโฆษณาอีกครั้งเราจึงเชื่อว่าครึ่งปีหลังบริษัทฯจะกลับมาเติบโตได้ดีจากครึ่งปีแรกที่ตลาดชะลออย่างต่อเนื่องจากผลกระทบทางการเมืองตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวบริษัทฯคาดว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ในระยะเวลา 3 ปี และใน 5 ปีบริษัทฯก็สามารถมีกำไรได้"นางสาววทันยา กล่าว
นางสาวทันยา กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้ในการประมูลใบอนุญาติทีวีดิจิทัล 1,400 ล้านบาท และใช้ในการสร้าง Studio ใหม่มูลค่าราว 150 ล้านบาท และใช้เป็นงบโฆษณา 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลือไว้ใช้ในการปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ
สำหรับการนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น เบื้องต้นทางบริษัทฯยังไม่ได้มีเป้าหมายในส่วนนี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งเบื้องต้นทางบริษัทเน้นที่จะให้มีรายได้ถึงจุดคุ้มทุนและสามารถทำกำไรได้ หากถึงระยะเวลานั้นบริษัทฯก็อาจจะมีการพิจารณาที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์
"ปัจจุบันเราก็ยังไม่ได้มองไปถึงขั้นที่จะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่เบื้องต้นที่เราจะทำคือการทำให้บริษัทฯถึงจุดคุ้มทุนและสามารถทำกำไรได้ ซึ่งหากถึงเวลานั้นแนวทางการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นแนวทางที่เป็นไปได้แต่ปัจจุบันเรายังไม่ได้มีการตั้งเป้าหรือกำหนดกรอบเวลาที่จะไปถึงในเรื่องนี้" นางสาวทันยา กล่าว