เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2557 GL ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย โดยบริษัทตกลงจะซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ธนบรรณ ในมูลค่ารวมไม่เกิน 1,530 ล้านบาท โดยมูลค่าดังกล่าวรวมหนี้สินและพันธะต่าง ๆ ของบริษัทธนบรรณแล้ว บริษัท ธนบรรณ ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อยเป็นบริษัทให้สินเชื่อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยเช่นเดียวกันกับธุรกิจของ GL
หาก GL ใช้เงินทุนในการครอบครองกิจการโดยการกู้ยืมใหม่ก็จะส่งผลให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลง แต่ก็ยังคงแข็งแรงเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทก็จะลดลงด้วย และอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทจะลดลงจากประมาณ 40% เป็น 30%
ณ สิ้นปี 2556 สินเชื่อคงค้างของบริษัท ธนบรรณอยู่ที่ 1,563 ล้านบาท การครอบครองกิจการจะช่วยยกระดับสถานะทางการตลาดของ GL โดยสินเชื่อคงค้างจะเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ประมาณ 5,000 ล้านบาทเป็น 6,500 ล้านบาท นอกจากนี้ การครอบครองกิจการยังจะเป็นประโยชน์ต่อ GL ในหลาย ๆ ด้านอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดต่อขนาด พื้นที่การทำการตลาดที่ขยายขึ้น และเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่ใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม การครอบครองกิจการมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านในช่วงที่ธุรกิจอยู่ในระหว่างการรวมตัวกัน ซึ่งบริษัทต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ถึงการได้รับประโยชน์จากการครอบครองกิจการในครั้งนี้
หุ้นกู้ของบริษัท GL ได้รับการค้ำประกันบางส่วนจาก ธนาคารกสิกรไทย ในสัดส่วนจำนวน 60% ของมูลค่าเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างของหุ้นกู้และรวมกันแล้วไม่เกินกว่าจำนวน 300 ล้านบาท ปัจจุบันทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของ GL ที่ระดับ “A-" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"