ทั้งนี้ ตลาดโครงการแนวราบพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลในไตรมาสแรกปี 57 เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากไตรมาสสุดท้ายของปี 56 สังเกตได้จากจำนวนยูนิตเสนอขายโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เติบโตขึ้น 14% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 2,118 ยูนิต สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจในประเทศ โดยบ้านเดี่ยวระดับราคา 3.00 – 4.99 ล้านบาทเปิดตัวสูงสุด (977 ยูนิต) รองลงมาคืออุปทานของบ้านเดี่ยวระดับราคา 5.00 – 6.99 ล้านบาท (548 ยูนิต) และ 10.00 – 19.99 ล้านบาท (240 ยูนิต)
นายเมธา กล่าวว่า ในช่วง 1-2 เดือนแรกที่เปิดตัวโครงการ อุปสงค์โดยรวมตอบรับได้ดีขึ้นถึง 69%แสดงให้เห็นว่าตลาดเริ่มกลับมาคึกคักมากยิ่งขึ้น และเชื่อมั่นว่าในไตรมาส 2 ไปจนถึงครึ่งปีหลังของปี 57 ตลาดโครงการแนวราบจะต้องเติบโตได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2 มีโครงการเปิดใหม่ไม่น้อยกว่า 10 โครงการ ประมาณ 1,500 ยูนิต ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกมีจำนวนยูนิตเสนอขายทั้งหมดจากโครงการใหม่รวมไม่น้อยกว่า 3,600 ยูนิต
การที่ตลาดกลับมาดีขึ้นเช่นนี้ เป็นเพราะปัจจัยบวกทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมา ผู้บริโภคเริ่มจับจ่ายใช้สอยและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้เร็วขึ้น หลังจากที่ชะลอการตัดสินใจในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
"เชื่อว่าตลาดโครงการแนวราบในครี่งปีหลังของปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องด้วยหลายปัจจัย ทั้งการเมืองที่เริ่มนิ่งสงบ ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้นตามมา ผู้บริโภคเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลต่อเนื่องมาจากกำลังซื้อที่อั้นมานานตั้งแต่ปลายปีช่วงที่ผ่านมา สิ่งนี้จึงทำให้ยอดขายในหลายพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลฟื้นตัวกลับมาอย่างเห็นได้ชัด โดยโครงการแนวราบ โซนที่กำลังมาแรง 3 อันดับ ได้แก่ โซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ กรุงเทพฯ ตะวันออก และกรุงเทพฯ ตะวันตก"นายเมธา กล่าว