ก่อนหน้านี้ FPI ได้ลงทุนแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์จากค่ายญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก ทั้งนี้ หากมีออเดอร์ใหม่เข้ามาจากสหรัฐอเมริกา จะต้องมีการลงทุนเพิ่มในส่วนของแม่พิมพ์ โดยใช้เงินส่วนหนึ่งจากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 250 ล้านบาท ซึ่งในช่วงแรกจะดำเนินการในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง
ปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ในมือในส่วนของการรับจ้างผลิตให้กับลูกค้า (OEM) ประมาณ 300-400 ล้านบาท ส่วนการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่ทดแทน (REM) มีประประมาณ 150 ล้านบาทต่อเดือน โดยในปีนี้บริษัทสามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ได้อีก 3 ประเทศ ทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มเป็น 122 ประเทศ
ในปีนี้บริษัทเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตอีก 40-50% โดยอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง Warehouse ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/57 พร้อมกันนี้คาดว่ายอดขายในปีนี้จะอยู่ที่ 1,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้รับปัจจัยหนุนจากโมเดลรถออกใหม่ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของชุดอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์รอบคันรุ่นใหม่ๆ
แนวโน้มผลกำไรในปี 57 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า จึงทำให้ Net Profit Margin ออกมาดี นอกจากนี้ บริษัทยังได้วางแผนขยายตลาดสู่กลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) หลังจากก่อนหน้านี้ได้ลงทุนสำนักงานใหม่ เพื่อรองรับบุคลากรใหม่ๆ ในการขยายตลาด รวมทั้งจะมุ่งเน้นทำธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading) อื่นๆ เช่น ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ (Engine Part) โดยจะมีการหาพันธมิตรใหม่ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อเพิ่มยอดขาย ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทขยายตัวต่อไปในอนาคต
ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาแผนร่วมลงทุนกับพันธมิตรในประเทศเอกวาดอร์ เพื่อเปิดสาขาแห่งใหม่ในประเทศเอกวาดอร์ เพื่อผลิตอะไหล่ทดแทน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงกลางปี 58 เพื่อขยายฐานลูกค้าในประเทศเปรู โคลัมเบีย และเอกวาดอร์ ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ