ทั้งนี้ บริษัทเริ่มวางจำหน่ายในช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นยังมียอดขายไม่มากนัก หรือราว 20,000 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทยังรอดูความชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์ว่า คสช.จะมีคำสั่งให้เดินหน้าอย่างไร ซึ่งหากให้ปรับลดมูลค่าคูปองลงมาที่ 690 บาทตามเดิม บริษัทก็อาจจะปรับลดเป้าหมายรายได้ลง แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าว่าโครงการแจกคูปองยังต้องเดินหน้าต่อไป เพราะหากระงับก็จะส่งผลต่อผู้ประกอบการทีวีดิตอลเป็นจำนวนมาก
อนึ่ง บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 3 เท่า จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1,650 ล้านบาท แต่ยอดขาย Set top box อาจจะล่าช้าไปบ้าง ซึ่งหากมีความชัดเจนของนโยบายทางการแล้ว บริษัทก็จะมีการพิจารณาทบทวน
"เราไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ ซึ่ง คสช.คงมีความจำเป็นจึงมีการให้ชะลอโครงการออกไปก่อน เพื่อเข้ามาตรวจสอบความโปร่งใส แต่เราเชื่อว่าโครงการดังกล่าวยังไงก็ต้องเกิดขึ้น แต่ความถูกต้องก็ต้องมีด้วยเช่นกัน ขณะที่ในแง่ของยอดขายกล่อง Set top box เรายอมรับว่ามันก็มีกระทบบ้าง ซึ่งที่เราเคยคาดว่ายอดขายจะเข้ามาในปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 นี้ ก็คงจะมีการ delay ออกไป แต่ก็ยังต้องรอดูความชัดเจนในอีก 2-3 สัปดาห์ก่อนว่าหลักเกณฑ์ต่างๆจะเป็นไปในลักษณะใด หากมีความชัดเจนออกมาในเรื่องของประมาณการณ์รายได้และยอดขายทั้งปีจะมีการคงไว้หรือปรับลดลงก็จะต้องมาดูกันหลังจากนั้น"นายกันต์ กล่าว
สำหรับยอดขายกล่องที่มีอยู่เดิมบริษัทมียอดขายกล่องอยู่ที่ 20 ล้านบาทต่อเดือน โดยบริษัทมีการกระตุ้นยอดขายทั้งกล่องที่มีอยู่เดิมและกล่อง Set top box อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) และจำหน่ายผ่านห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรด อย่างเช่น โลตัส, บิกซี