ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปริมาณผู้โดยสารของไทยในปีนี้จะเติบโตประมาณ 2-3% เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ ขณะที่ปัจจุบัน ภาพรวมของอุตสาหกรรมโดยรวมยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากอัตราการเติบโตของผู้โดยสารเฉลี่ยของท่าอากาศยานทั่วโลกอยู่ที่ 4.5-5% ขณะที่เอเชียแปซิฟิค เติบโตประมาณ 6.5%
“หลังจากที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางการเมืองมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน เมื่อ คสช. เข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีความมั่นใจที่จะเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น และที่สำคัญขณะนี้ได้มีการยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ทอท.จึงเชื่อมั่นว่าจำนวนผู้โดยสารจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน ทอท.ได้ร่วมมือกับธุรกิจท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อกระตุ้นให้มีผู้โดยสารเดินทางมายังประเทศมากขึ้น รวมทั้งมีการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในต่างประเทศเพื่อให้เข้าใจว่าสถานการณ์ในประเทศไทยมีความปลอดภัยสูง" นายเมฆินทร์ กล่าว
สำหรับประเด็นเรื่องการตรวจสอบโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่สอง ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น นายเมฆินทร์กล่าวว่าเป็นเรื่องปกติที่ คสช. จะให้ความสำคัญกับโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณในการลงทุนสูง
ดังนั้น เพื่อความโปร่งใสและแสดงให้เห็นว่าโครงการดังกล่าวมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน ทางทอท. ยินดีให้ความร่วมมือกับ คสช. ในการตรวจสอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทอท.ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้และมีการตรวจสอบจากภายในเป็นอย่างดี รวมไปถึงผ่านขั้นตอนในการขออนุมัติโครงการตามแนวทางของรัฐวิสาหกิจแล้ว หาก คสช. ตรวจสอบและเห็นชอบกับโครงการดังกล่าวก็สามารถเดินหน้าดำเนินการต่อได้ทันที
ส่วนโครงการอื่นๆที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ทอท. ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการขยายพื้นที่ให้บริการผู้โดยสารในสนามบินดอนเมืองระยะที่ 2 เพื่อให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 30 ล้านคนต่อปีซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 57 และการขยายท่าอากาศยานภูเก็ตให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 12 ล้านคนต่อปีซึ่งคาดว่าจะเสร็จในปี 58
"ทอท.พยายามพัฒนาสิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับองค์กร มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง รองรับการเติบโตในอนาคต โดยเน้นการพัฒนายุทธศาสตร์และกลยุทธ์ รวมไปถึงการเดินหน้าบริหารองค์กรให้เป็นไปตามแนวคิดการบริหารองค์กรแบบยั่งยืนโดยมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีความรู้ความสามารถ ตลอดจนมีการวางกลยุทธ์ที่ดีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศโดยมีการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ ทอท. สะท้อนออกมาเป็นผลการดำเนินงานที่มีอัตราการเติบโตในระดับที่ดีและต่อเนื่องแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์หรือได้รับปัจจัยอื่นๆมากระทบก็ตาม" นายเมฆินทร์ กล่าว
ด้านบล. ธนชาต ระบุว่า การยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศจะส่งผลดีต่อกลุ่มการท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทอท. จะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด แม้จะคาดว่าจำนวนผู้โดยสารของ ทอท. จะเติบโตติดลบ y-y เล็กน้อยในเดือนพ.ค.และติดลบในระดับตัวเลขสองหลักในมิ.ย.จากผลกระทบจากการรัฐประหารในปลายเดือนมิ.ย.โดยในช่วงตั้งแต่ ต.ค.2013-เม.ย.2014 ทอท.รายงานตัวเลขผู้โดยสารเติบโต 4.9% แต่มองว่าผลกระทบนี้จะเป็นปัจจัยระยะสั้นและคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูการท่องเที่ยวในไตรมาส 4 ทั้งนี้ คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารของ ทอท. จะเติบโต 5.4% ใน FY14และ 9.3% ในFY15
ขณะที่ปัจจัยบวกนอกจากที่คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะมีการฟื้นตัวอย่างเร็วแล้ว ยังคาดว่าการเปิดอาคารผู้โดยสารอาคาร 2 ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองจะเพิ่มโอกาสไม่เพียงแต่ทำให้ ทอท.มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นแต่รวมถึงพื้นที่กิจกรรมพาณิชย์ที่สูงขึ้นด้วยดังนั้น จึงมั่นใจกับความแข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยและจากการที่การเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์ในหลายสมมติฐาน คาดว่ากำไรของ ทอท.จะยังสามารถเติบโตได้ที่ 8.2% y-y จากอัตราภาษีที่ลดลง ส่วนแบ่งรายได้จากคิงเพาเวอร์ที่สูงขึ้นและจากจำนวนการขึ้นลงของเครื่องบินที่มากขึ้นแม้จำนวนผู้โดยสารในปีนี้อาจจะไม่มีการเติบโตเลยก็ตาม