SAPPE ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ภายใต้ 13 ตราสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม ได้แก่ เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์, เซ็ปเป้ บิวติ ชอท และเซนต์ แอนนา ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำผลไม้ เครื่องดื่มแต่งกลิ่นผลไม้ ได้แก่ เซ็ปเป้ ฟอร์ วัน เดย์,โมกุ โม, ชิววี่ และ โคโค่ แครช
ผลิตภัณฑ์ประเภทผงพร้อมชง เพื่อสุขภาพ และ ความงาม ได้แก่ เพรียวคอฟฟี่, สวิสส์ การ์เดน คอฟฟี่ และ สริมฟิต คอฟฟี่ ซึ่งเป็นกาแฟควบคุมน้ำหนัก และ เพรียว คลอโรฟิลล์มีคุณสมบัติในการช่วยดีท็อกซ์ขับล้างสารพิษ และผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มปรุงสำเร็จพร้อมดื่มเพื่อสุขภาพ และ ความงาม ได้แก่ เพรียว คอฟฟี่ แบบกระป๋อง
SAPPE มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 225 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้น IPO เมื่อวันที่ 18-20 มิ.ย.57 คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,012.50 ล้านบาท โดยมีบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.กสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัทในการขยายกำลังการผลิตเครื่องบรรจุน้ำและขวด PET รองรับแผนการขยายฐานการผลิตในตลาดต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบรับกับ Life Style ของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างตอเนื่อง มุ่งสู่เป้าหมายการสร้างแบรนด์สินค้าของคนไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดโลก
หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SAPPE 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มรักอริยะพงศ์ ถือหุ้น 75% นายวิเศษ วชิรพงศ์ ถือหุ้น 2% และนายปัญญา ภู่ไชย ถือหุ้น 0.7% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นคิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 15.9 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 2/56-ไตรมาส 1/57)หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.85 บาท โดย P/E ratio เฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัทในช่วง 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-30 พ.ค.57 เท่ากับ 27.50 เท่า
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนดโดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการ