สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 95,986 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 67,772 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 70.6% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 20,242 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 21.1% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 970 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB196A และ LB176A (รุ่นอายุ 0.9 ปี, 5.0 ปี และ 3.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,742 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)(TOP193A) มูลค่า 201.3 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด(มหาชน)(BH16DA) มูลค่า 164.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด(AWN194B) มูลค่า 101.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 467.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,998 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,464 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -939 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.17% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve แกว่งตัวในกรอบแคบๆ เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp.เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ๆ โดยพันธบัตร ธปท.อายุ 6 เดือน ที่ประมูลวันนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 0.57 เท่าของยอดประมูล เนื่องจากมีกองทุนอายุ 6 เดือนที่ออกโดยบริษัทจัดการกองทุนต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า จึงขายได้เพียง 15,592 ล้านบาท (ไม่เต็มวงเงิน) สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิ(NET SELL)เท่ากับ 939 ล้านบาท