นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ CCP คาดว่า ช่วงครึ่งปีหลังภาคธุรกิจรับเหมา-วัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศเริ่มมีความชัดเจน ประกอบกับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจเร่งด่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เร่งแผนการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 57 ที่ชะงักไปในช่วงก่อนหน้านี้ อาทิ โครงสร้างพื้นฐานเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ โครงการบริหารจัดการน้ำ น่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งในส่วนงานภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้ สัญญาณเชิงบวกต่อการฟื้นตัวที่ดีของเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง น่าจะทำให้โครงการทั้งภาครัฐและเอกชนกลับมาเดินหน้าก่อสร้างโครงการประเภทต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีและเป็นโอกาสของบริษัทฯอย่างมาก ในการเข้ารับงานใหม่และจะทำให้สามารถเก็บเกี่ยวรายได้และผลกำไรที่ดี เพื่อสร้างผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ หลังครึ่งปีแรกภาวะตลาดวัสดุก่อสร้างได้รับผลกระทบจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
"ปีนี้กำไรจะใกล้เคียงหรือสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อยหลังครึ่งหลังอุตฯเริ่มฟื้นตัวเพราะมีความชัดเจนมากขึ้นสำหรับโครงการที่ออกจากภาครัฐและการแข่งขันลดลง...แนวโน้มการขายดีขึ้นเชื่อว่าวอลุ่มจะเพิ่มขึ้น เพราะโครงการภาครัฐมา CCP ในฐานะซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้างก็สามารถขยายตัวได้ หลังจากรายได้รวมครึ่งแรกเป็นไปตามคาดเติบโตกว่า 10% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน ก็น่าจะทำให้ปีนี้ทั้งปีรายได้เติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 10% แตะ 2,900 ล้านบาท"นายอาทิตย์ กล่าว
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อาจลดลง 2-3% จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ในระดับกว่า 15% เนื่องจากปีนี้ต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ราคาทรายปรับเพิ่มขึ้น 20-30% เนื่องจากความต้องการในตลาดมีมากขึ้น หลังจากนิคมอุตสาหกรรมซื้อที่ดินเพิ่มขึ้น ทำให้การใช้ทรายถมที่ดินเพิ่มขึ้นด้วย
"ในแง่ต้นทุนวัตุดิบมีทั้งปรับขึ้นและปรับลง เช่น ทรายราคาปรับขึ้น 20-30% เพราะหายากขึ้น แหล่งอยู่ไกลมีค่าขนส่งเพิ่ม เจ้าของบ่อก็ปรับราคาขึ้น ส่วนปูนราคาปรับลงราว 10% ขณะที่หินทรงๆ โดยเฉลี่ยต้นทุนผลิตปรับขึ้นราว 8%...แนวโน้มราคาวัสดุ ถ้าเป็นฝั่งวัตถุดิบปรับขึ้นเฉลี่ย 8% แต่เราจะปรับราคาขายสินค้าได้ราว 4-5% ทำให้มาร์จินปีนี้ลดลงจากปีก่อนที่กว่า 15% แต่ไตรมาส 3-4 จะรักษาไม่ให้ลดลงมาก" นายอาทิตย์ กล่าว
นายอาทิตย์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท และในครึ่งปีหลังคงต้องใช้เงินลงทุนต่อเนื่องอีกราว 20-30 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานเพิ่ม ขยายกำลังการผลิตกลุ่มงานพรีแคส โดยจะเพิ่มไลน์ผลิตอีก 10% จากปัจจุบันที่มีกำลังการการผลิต 2 หมื่นลูกบาศก์เมตร/ปี เพิ่มเป็น 2.2 หมื่นลูกบาศก์เมตร/ปี เพราะในไตรมาส 3/57 บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มคอนกรีตสำเร็จรูป(พรีแคส)สำหรับงานบริหารจัดการน้ำที่มีคุณสมบัติช่วยในการระบายน้ำ ป้องกันน้ำกัดเซาะ และป้องกันตลิ่งพังทลาย
แผนการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังจะเน้นเข้ารับงานส่วนราชการท้องถิ่น โครงการป้องกันน้ำท่วม ปรับปรุงการระบายน้ำ รวมทั้งการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมใหม่และโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเอกชนในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยนำผลิตภัณฑ์ใหม่ของพรีแคสเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการ ที่ต้องสร้างระบบด้านงานระบายน้ำ งานป้องกันน้ำท่วม ก่อสร้างถนน และนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการเลือกใช้วัสดุคอนกรีตสำเร็จรูปในงานบริหารจัดการน้ำให้กับลูกค้า
ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้าบางกลุ่มแล้วและมีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก จึงจัดตั้ง บริษัท ซีซีพี เพวิ่งสโตนส์ ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ กลุ่มงาน Precast สำหรับงานโยธา ภายใต้ชื่อ CCP Praving Stones
ปัจจุบัน บริษัทมี Backlog อยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาทและคาดว่าภายในสิ้นปีจะมี Backlog อยู่ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ 60% และ งานภาคเอกชน 40 % ทยอยรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ประมาณ 60% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงไตรมาส 3/58 ประมาณ 40% หากโครงการลงทุนภาครัฐมีความชัดเจนจะยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้าง และจะส่งผลให้ยอดสั่งซื้อคอนกรีตผสมเสร็จ และคอนกรีตสำเร็จรูป เพื่อใช้ในโครงการต่างๆเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการเข้ารับงานคอนกรีตทุกรูปแบบ ตลอดจนเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของโครงการต่างๆด้วยเช่นกัน
“บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้ารับงานโครงการขนาดใหญ่ โดยเจรจาร่วมงานกับพันธมิตรจากต่างประเทศ เพื่อร่วมกันผลิตคอนกรีตรูปแบบต่างๆ รองรับปริมาณคำสั่งซื้อที่อาจมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากมีการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้”นายอาทิตย์ กล่าว
ส่วนการเจรจากับพันมิตรทางธุรกิจ 2 กลุ่มทั้งที่เป็นสถาบันการเงินและผู้ประกอบการในธุรกิจวัสดุก่อสร้างนั้น แนวทางก็จะมีทั้งให้เงินลงทุนหรือเข้ามาถือหุ้น เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มองว่างานวัสดุก่อสร้างในไทยยังเติบโต แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปในการเจรจา
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ CCP ระบุว่าบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตร 2 ราย ซึ่งเป็นบริษัทจากประเทศจีนและญี่ปุ่น เพื่อหารือถึงรูปแบบของความร่วมมือว่าจะเป็นการร่วมทุนหรือรูปแบบอื่น