PDG เป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก ประเภทขวด PET บริษัทมีทุนจดทะเบียน 135 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญจำนวนรวม 270 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เป็นทุนเรียกชำระแล้ว 100 ล้านบาท
นายธงชัย ตันสุทัตต์ กรรมการผู้จัดการ PDG กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ระดมทุนจากการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อขยายกำลังการผลิตขวด PET โดยสั่งซื้อเครื่องจักรจากญี่ปุ่นจำนวน 2 สายการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขวดพลาสติกจาก 50 ล้านขวด/เดือน เป็น 60 ล้านขวดต่อเดือน พร้อมกับเพิ่มเครื่องปิดฉลากขวดอัตโนมัติ เพิ่มเครื่องบรรจุขวด PET ใส่หีบห่ออัตโนมัติ และซื้อแม่พิมพ์สำหรับผลิตหลอฟรีฟอร์ม
"บริษัทจะซื้อเครื่องจักรเป่าขวด 95 ล้านบาท เครื่องจักรติดฉลากขวดอัตโนมัติและเพิ่มเครื่องบรรจุขวด PET ใส่หีบอัตโนมัติ 5-6 ล้านบาท และ ซื้อแม่พิมพ์สำหรับการผลิตหลอดพรีฟอร์มเพื่อจำหน่ายให้กับผู้ผลิต PET และผู้ผลิตขวดน้ำดื่ม 10 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้เงินระดมทุนจากการขายหุ้น IPO ทยอยลงทุนไปจนถึงปลายปี 58 การลงทุนดังกล่าวเป็นการเพิ่มกำลังการผลิต นอกจากนั้นยังช่วยให้บริษัทลดต้นทุนแรงงาน"นายธงชัย กล่าว
ขณะเดียวกันจะนำเงินที่ได้มาชำระหนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีหนี้อยู่ราว 100 ล้านบาท คาดว่าหลังชำระหนี้บางส่วนแล้วจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) ลดลงมาที่ 0.5-0.6 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 0.93 เท่า
นางธงชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 57 รายได้จะเติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 694 ล้านบาท ขณะที่กำไรก็จะเติบโตในทิศทางเดียวกัน โดยในปี 56 บริษัทมีรายได้รวม 699 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18% และอัตรากำไรสุทธิ 8% ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังรายได้จะเติบโตได้ดีขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกและช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว ยอดขายจึงน่าจะเพิ่มขึ้นตามการบริโภคในประเทศ
"บริษัทมีการเติบโตอย่างมั่นคง แม้วิกฤตเศรษฐกิจไม่กระทบ เพราะบริษัทอยู่มา 20 ปี และอยู่ในอุตสาหกรรมที่โตดี โดยเฉพาะเครื่องดื่ม จึงเชื่อผลประกอบการดีชึ้น" นายธงชัย กล่าว
ปัจจุบัน รายได้หลักมาจากการผลิตขวดให้กับกลุ่มน้ำผลไม้ สัดส่วนรายได้ 34% และ กลุ่มน้ำมันพืช 34% ซึ่งมีลูกค้าหลักเป็น น้ำมันพืช"องุ่น" และ น้ำมันพืช "คิง" ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น และเป็นลูกค้าหลัก
นายธงชัย กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างมองหาช่องทางการลงทุนตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV คาดว่าจะมีข้อสรุปชัดเจนในช่วงต้นปี 58 เพื่อเป็นการขยายธุรกิจในต่างประเทศ และรองรับออร์เดอร์ของลูกค้าที่ขยายธุรกิจไปในกลุ่มดังกล่าว
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน PDG กล่าวว่า คาดว่าจะเสนอขายหุ้น PDG ได้ภายในเดือน ก.ค.57 และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับดีจากนักลงทุน เนื่องจาก PDG มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีประสบการณ์กว่า 20 ปี และยังมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ประกอบกับมีการสนับสนุนที่ดีจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งกลุ่มน้ำมันพืชไทย(TVO) และกลุ่มน้ำมันบริโภคไทย(น้ำมันพืชคิง)