(เพิ่มเติม) "พรอดดิจิ"เตรียมขาย IPO 70 ล้านหุ้นภายใน ก.ค.ระดมทุนขยายกำลังการผลิต

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 26, 2014 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.พรอดดิจิ (PDG) ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น เพื่อระดมทุนมาใช้ขยายกำลังการผลิตขวดพลาสติกประเภท PET รองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น และเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดลหักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยมี บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง(MBKET)เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้น ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO ได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ และคาดเข้าเทรดในปลาย ก.ค.นี้

PDG เป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก ประเภทขวด PET บริษัทมีทุนจดทะเบียน 135 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญจำนวนรวม 270 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เป็นทุนเรียกชำระแล้ว 100 ล้านบาท

นายธงชัย ตันสุทัตต์ กรรมการผู้จัดการ PDG กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ระดมทุนจากการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อขยายกำลังการผลิตขวด PET โดยสั่งซื้อเครื่องจักรจากญี่ปุ่นจำนวน 2 สายการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขวดพลาสติกจาก 50 ล้านขวด/เดือน เป็น 60 ล้านขวดต่อเดือน พร้อมกับเพิ่มเครื่องปิดฉลากขวดอัตโนมัติ เพิ่มเครื่องบรรจุขวด PET ใส่หีบห่ออัตโนมัติ และซื้อแม่พิมพ์สำหรับผลิตหลอฟรีฟอร์ม

"บริษัทจะซื้อเครื่องจักรเป่าขวด 95 ล้านบาท เครื่องจักรติดฉลากขวดอัตโนมัติและเพิ่มเครื่องบรรจุขวด PET ใส่หีบอัตโนมัติ 5-6 ล้านบาท และ ซื้อแม่พิมพ์สำหรับการผลิตหลอดพรีฟอร์มเพื่อจำหน่ายให้กับผู้ผลิต PET และผู้ผลิตขวดน้ำดื่ม 10 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้เงินระดมทุนจากการขายหุ้น IPO ทยอยลงทุนไปจนถึงปลายปี 58 การลงทุนดังกล่าวเป็นการเพิ่มกำลังการผลิต นอกจากนั้นยังช่วยให้บริษัทลดต้นทุนแรงงาน"นายธงชัย กล่าว

ขณะเดียวกันจะนำเงินที่ได้มาชำระหนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีหนี้อยู่ราว 100 ล้านบาท คาดว่าหลังชำระหนี้บางส่วนแล้วจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) ลดลงมาที่ 0.5-0.6 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 0.93 เท่า

นางธงชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 57 รายได้จะเติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 694 ล้านบาท ขณะที่กำไรก็จะเติบโตในทิศทางเดียวกัน โดยในปี 56 บริษัทมีรายได้รวม 699 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18% และอัตรากำไรสุทธิ 8% ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังรายได้จะเติบโตได้ดีขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกและช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว ยอดขายจึงน่าจะเพิ่มขึ้นตามการบริโภคในประเทศ

"บริษัทมีการเติบโตอย่างมั่นคง แม้วิกฤตเศรษฐกิจไม่กระทบ เพราะบริษัทอยู่มา 20 ปี และอยู่ในอุตสาหกรรมที่โตดี โดยเฉพาะเครื่องดื่ม จึงเชื่อผลประกอบการดีชึ้น" นายธงชัย กล่าว

ปัจจุบัน รายได้หลักมาจากการผลิตขวดให้กับกลุ่มน้ำผลไม้ สัดส่วนรายได้ 34% และ กลุ่มน้ำมันพืช 34% ซึ่งมีลูกค้าหลักเป็น น้ำมันพืช"องุ่น" และ น้ำมันพืช "คิง" ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น และเป็นลูกค้าหลัก

นายธงชัย กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างมองหาช่องทางการลงทุนตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV คาดว่าจะมีข้อสรุปชัดเจนในช่วงต้นปี 58 เพื่อเป็นการขยายธุรกิจในต่างประเทศ และรองรับออร์เดอร์ของลูกค้าที่ขยายธุรกิจไปในกลุ่มดังกล่าว

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน PDG กล่าวว่า คาดว่าจะเสนอขายหุ้น PDG ได้ภายในเดือน ก.ค.57 และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับดีจากนักลงทุน เนื่องจาก PDG มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีประสบการณ์กว่า 20 ปี และยังมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ประกอบกับมีการสนับสนุนที่ดีจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งกลุ่มน้ำมันพืชไทย(TVO) และกลุ่มน้ำมันบริโภคไทย(น้ำมันพืชคิง)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ