สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 68,020 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 42,144 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 62.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 12,299 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 18.1% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,172 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB21DA และ LB236A (รุ่นอายุ 5.0 ปี, 7.5 ปี และ 9.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,980 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)(CPN171A) มูลค่า 152.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)(SCC174A) มูลค่า 145.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี(ไทย) จำกัด (ICBCTL175A) มูลค่า 126.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 424.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,697 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,583 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,667 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.16% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ๆ โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงาน GDP ขั้นสุดท้ายไตรมาส 1/2557 หดตัวลง 2.9% ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1/2552 หรือในรอบ 5 ปี สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อส่วนใหญ่ในตราสารระยะสั้นตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวาน ทำให้วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 4,667 ล้านบาท