ทั้งนี้ บริษัท เด็มโก้ เดอร์ ลาว จำกัด มีสัดส่วนการถือหุ้นของ DEMCO อยู่ที่ 90% และพันธมิตรถือหุ้น 10% มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นราว 3 แสนเหรียญสหรัฐ
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทมองเห็นโอกาสการเติบโตของงานด้านสาธารณูปโภคระบบไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งบริษัทพร้อมจะเข้าไปรับงานก่อสร้างสายส่งและสถานีไฟฟ้า รวมถึงโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก นอกจากนั้น บริษัทยังมีความสนใจที่จะรับงานสำรวจระบบสาธารณูปโภค ทั้งระบบน้ำปะปาและระบบสื่อสารอีกด้วย โดยขณะนี้บริษัทยื่นประมูลไปแล้ว 2-3 โครงการ ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยมูลค่าโครงการ คาดว่าในไตรมาส 3/57 จะเห็นความชัดเจนของการเข้ารับงานดังกล่าว
พร้อมกันนั้น บริษัทยังเข้ายื่นประมูลงานในประเทศพม่าอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลประมูลงานประเภทสถานีไฟฟ้าคาดว่าจะมีข้อสรุปในช่วงไตรมาส 3/57 แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้บริษัทจะเน้นการขยายธุรกิจไปยังประเทศลาวเป็นหลักก่อน
"วันนี้เราก้าวเข้าไปเพื่อรองรับการเติบโตของ AEC โดยเราสนใจ ลาว พม่า แต่ลำดับแรกประเทศที่เราสนใจมากที่สุดคือ ลาว จากที่มีศักยภาพการผลิตไฟฟ้าได้ถึง 3 หมื่นเมกกะวัตต์ สิ่งที่ลาวต้องดำเนินคือ สายส่งและสถานีไฟฟ้า จึงทำให้เรามองว่า ลาวเป็นตลาดที่เราให้ความสนใจ และเราเองก็มีความชำนาญในด้านวิศวะกรรมไฟฟ้าอยู่แล้ว"
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้ที่ 5-6 พันล้านบาท จากงานในมือ(Backlog)4,750 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเร่งทำงานส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จ และมองการเติบโตของบริษัทฯจากการรุกตลาด AEC เพื่อรับงานเพิ่มมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/57 ดีกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่มีรายได้ 811.62 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้ตามแผนการดำเนินงานหรือจาก backlog ที่มีอยู่ ขณะที่บริษัทได้เข้าไปรับงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานประเภทสายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ล่าสุดมีมูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯมองสถานการณ์หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามาบริหารประเทศ ส่งผลให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในการแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม คสช.ก็มีการดำเนินงานทำด้วยความระมัดระวัง ซึ่งอาจทำให้โครงการขนาดใหญ่ชะลอออกไป เพื่อทบทวนความโปร่งใสของโครงการนั้นๆ เช่น โครงการของ กสทช.และโครงการโซล่าร์ชุมชน
อย่างไรก็ตาม นายพงษ์ศักดิ์ มองว่าจะทำให้โครงการประมูลงานต่างๆ ล่าช้าออกไป แต่เชื่อมั่นว่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะการประมูลงานโครงการต่าง ๆ จะมีความชัดเจนโปร่งใสมากขึ้น และมีการเดินหน้าต่อไปในอนาคตได้อย่างมั่นคง