สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 106,455 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 75,560 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 71.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,652 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 13.8% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,843 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB15DA (รุ่นอายุ 5.0 ปี, 3.0 ปี และ 1.5 ปี ตามลำดับ)โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 9,586 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บ้านปู(BANPU195A) มูลค่า 414.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด(TLT14DA) มูลค่า 258.0 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)(GLOBAL172A) มูลค่า 234.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 907.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,085 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 29,623 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,379 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.16% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 10 ปี ประมาณ 2 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury นักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุด กนง. ปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้เติบโต 1.5% และคาดว่าครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวแบบ V Shape โดยจะเติบโตได้ถึง 3.4% ส่วนแนวโน้มปี 58 คาดว่าจะเติบโตได้ 5.5% สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 1,379 ล้านบาท (ยอด Holding ณ สัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 11,659 ล้านบาท เป็น 667,023 ล้านบาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 655,364 ล้านบาท โดยมียอด Expired เท่ากับ 2,652 ล้านบาท รวมถึงได้มีการปรับข้อมูล NR Net Holding ณ 30 พ.ค. 57 จาก ธปท. ด้วย)