นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 5-6 โครงการ หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท จากแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้งปี 6-8 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนยอดรับรู้รายได้ในอนาคต
นายไชยยันต์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯคาดยอดขายครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 1,630 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายจากโครงการแนวราบยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในโครงการคอนโดมิเนียมอาจจะมีการชะลอตัวออกไปบ้าง แต่การรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการแนวราบ ในขณะเดียวกันปีนี้บริษัทฯไม่ได้มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม ขณะที่รายได้เชื่อว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปีนี้บริษัทฯยังคงเป้ารายได้เติบโตได้ราว 15-16%
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ราว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้เกือบทั้งหมด โดยแผนการก่อสร้างต่างๆยังเป็นไปตามเป้าหมาย ถึงแม้ว่าบริษัทฯจะได้รับผลกระทบบ้างจากการที่แรงงานต่างด้าวกลับประเทศ ที่ส่งผลให้การก่อสร้างล่าช้าราว 2 สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตามการก่อสร้างก็ยังเป็นไปตามแผน ซึ่งปัจจุบันแรงงานก็ได้เริ่มทยอยกลับมาทำงานแล้ว
สำหรับภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นายไชยยันต์ กล่าวว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมาเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและเห็นชัดเจน ทั้งในแง่ของกำลังซื้อ และยอดขาย ซึ่งนับเป็นการกลับมาคึกคักอีกครั้งในรอบ 9 เดือน ภายหลังจากที่ตลาดชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้น ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ประกอบกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มี Road Map ทางด้านเศรษฐกิจชัดเจนและเป็นรูปธรรมส่งผลให้กำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มียอดเข้าเยี่ยมชมโครงการเพิ่มขึ้นและส่วนใหญ่จะมีการตัดสินใจซื้อ ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมชมเหมือนช่วงที่ผ่านมา โดยเชื่อมั่นว่าในครึ่งปีหลัง 2557 นี้ ภาพรวมเศรษฐกิจและภาพรวมอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น และกลับสู่ภาวะปกติในไตรมาส 4 อย่างแน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการทุกคนกลับมาทำตลาดอย่างเต็มที่ พร้อมกลับมาบุกเปิดตัวโครงการอย่างเต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557 นี้