สำหรับรายได้จากโฆษณาทางช่องทีวีดิจิตอลก่อนหน้านี้ยังเข้ามาไม่ชัดเจน แต่ปัจจุบันเริ่มมีฐานผู้ชมเพิ่มมากขึ้นกว่า 2 หมื่นครัวเรือนแล้ว หลังจากที่มีการเปิดตัวไปเมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ชมในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ ดังนั้น จึงเชื่อว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก ขณะที่เดือน ก.ค.นี้ บริษัทจะเน้นการทำการตลาดมากขึ้นเพื่อขยายฐานผู้ชมและนำเสนอผังรายการของช่องให้ผู้ชมรับทราบมากขึ้น
นายซัง โด ลี กล่าววา บริษัทคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปีธุรกิจทีวีดิจิตอลจึงจะถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งจะมาจากที่บริษัทมีแผนนำคอนเทนท์เข้ามาเสนอมากขึ้น ซึ่งเฟสแรกได้มีการเปิดตัวคอนเซ็ปต์หนังดี-ซีรีย์ดัง และในเฟส 2 ก็จะเป็นการทยอยนำเสนอคอนเทนท์รายการวาไรตี้ ภายใต้คอนเซปรายการโดน ซึ่งมั่นใจว่าจะมีเม็ดเงินโฆษณาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น 5-10% ของมูลค่าตลาดธุรกิจทีวีดิจิตอลภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยหวังว่าช่องโมโนจะสามารถติดอันดับใน TOP 5 ถึง TOP 10 เพื่อดึงดูดเม็ดเงินโฆษณาให้เข้ามามากขึ้น คาดว่าบริษัทจะได้รับรู้รายได้จากค่าโฆษณาราว 2,500 ล้านบาท หรือ 5% ของมูลค่าตลาดรวมราว 40,000 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจ Mobile Content ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากฐานผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าฐานผู้ใช้จะขยายตัวได้ถึงหลักแสนราย
ด้านธุรกิจ Internet broadband ปัจจุบันมีฐานลูกค้าอยู่ 20 ล้านครัวเรือน มองว่าอัตราการใช้ Internet broadband ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาค ทำให้บริษัทยังมีโอกาสขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในอนาคตจะทำให้มีเม็ดค่าโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเช่นกัน คาดว่าจะมีเม็ดเงินค่าโฆษณาเข้ามาราว 1 แสนล้านบาท
"ครึ่งปีหลังเราจะเน้นเรื่องของทีวีดิจิตอลเป็นหลักอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาเรามีการลงทุนค่อนข้างเยอะ ขณะที่ใน 3 ปีข้างหน้า เราตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น 5-10% ของตลาดรวม สำหรับกลยุทธ์เราก็คงมองการเพิ่มฐานลูกค้า และการนำคอนเท้นท์เข้ามานำเสนออย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เราไปซื้อลิขสิทธิ์มาและผลิตคอนเท้นท์เอง อย่างละครซิทคอม"นายซัง โด ลี กล่าว