ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายถึง 1,500 ล้านบาทจากแคมเปญส่งเสริมการขาย ‘It’s Prime Time’ ที่คัดสรรยูนิตที่ดีที่สุดจากโครงการพร้อมอยู่คุณภาพทั่วประเทศเพื่อมอบที่สุดแห่งข้อเสนอประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย
โดยโครงการที่ขายดีที่สุด คือ ทาวน์เฮ้าส์โซนพระราม 2 ระดับราคา 4 – 5 ล้านบาท และดีคอนโดในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ระดับราคา 1.5 – 2 ล้านบาท สะท้อนความต้องการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ใกล้เมืองยังอยู่ในระดับสูงและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสามารถซื้อเพื่ออยู่เองได้ทันที พร้อมยังปล่อยเช่าได้โดยมีผลตอบแทนที่น่าพอใจ ด้านบ้านเดี่ยวระดับราคา 5 – 7 ล้านบาทก็ได้รับความนิยมจากลูกค้าเช่นกัน
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า แสนสิริเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศและตลาดอสังหาฯ กำลังฟื้นตัวและมีแนวโน้มกลับมาคึกคักได้ในไม่ช้า สังเกตได้จากยอดขายของแสนสิริจากที่ชะลอตัวในไตรมาส 4 ของปี 2556 และไตรมาส 1 ของปี 2557 เริ่มกลับมาเหมือนช่วง 1 – 2 ปีก่อนแล้ว
นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าประเทศไทยยังไม่ประสบกับภาวะฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเวลาอันใกล้นี้ เพราะยอดขายอสังหาฯ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีเพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย นอกจากนั้น แสนสิริยังคาดว่าแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาทจะช่วยอัดฉีดเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นและทำให้คนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น โดยธุรกิจอสังหาฯ จะเป็นธุรกิจอันดับแรกๆ ที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายนี้