ทั้งนี้ รายการซื้อขายดังกล่าวจะดำเนินการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญา ภายหลังการดำเนินรายการดังกล่าวบริษัทจะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน SIM เป็น 74.11%
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SAMART ชี้แจงว่า กลุ่ม AXIATA หรือเดิมคือ เทเลคอมมาเลเซีย ได้เข้ามาถือหุ้นนับตั้งแต่ปี 2540 ถือเป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์แข็งแกร่งและยาวนานเกือบ 17 ปี การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมีข้อขัดแย้งใดๆ แต่มาจากเหตุผลทางธุรกิจและนโยบายการลงทุนของกลุ่ม AXIATA เป็นหลัก
ทั้งนี้ เนื่องจาก AXIATAประกอบธุรกิจหลักในการเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobile Operator ในขณะที่ขอบข่ายธุรกิจปัจจุบันของ SIM มุ่งเน้นการจำหน่ายมือถือและการให้บริการคอนเทนส์ จึงไม่สอดคล้องโดยตรงกับธุรกิจหลักของ AXIATA อีกทั้งกลุ่ม SAMART สามารถก็มีนโยบายในการจะถือครองหุ้นในบริษัทลูกไม่ต่ำกว่า 70% โดยประมาณ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงาน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาและนำมาซึ่งข้อตกลงที่น่าพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย
การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเสถียรภาพและความแข็งแกร่งของ SIM อย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ การให้บริการคอนเทนส์ผ่านสื่อมัลติมีเดีย และการให้บริการ MVNO อย่างเต็มรูปแบบ
ผลประกอบการที่ผ่านมาสะท้อนแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจของ SIM อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายตัวของตลาด Smart Phone ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรอย่างโดดเด่น ล่าสุด ในไตรมาส 1/57 SIM สามารถจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ Smart Phone และ Feature Phone รวมกันแล้วกว่า 1 ล้านเครื่อง ราคาขายเฉลี่ยขยับสูงขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ยังคงมั่นใจว่าจะจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในปี 57 ได้ถึง 4 ล้านเครื่อง ประมาณการรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับปี 56
"ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าซื้อหุ้น SIM ครั้งนี้ ยังจะส่งผลบวกต่อกำไรในงบการเงินรวมของ SAMART ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เพราะจะสามารถรับรู้ผลกำไรของ SIM เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือครองหุ้น จากเดิมประมาณ 57% เป็น 70 กว่า% โดยประมาณ"นายวัฒน์ชัย กล่าว