ประกอบกับทิศทางการไหลของเงินลงทุน (Fund flow) เริ่มมีแนวโน้มไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังล่าสุดนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยต่ำสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ตลาดได้รับปัจจัยเชิงบวกจากการปรับโครงสร้างรัฐวิสาหกิจ โดยการแต่งตั้ง"ซูเปอร์บอร์ด"และคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ที่ดีขึ้นในปีหน้าที่ 5.0-5.5% ส่งผลทำให้ตลาดตลาดหุ้น Rollover การใช้ PE ไปเป็นปี 2558 และจะทำให้ดัชนี SET Index ถูก Re-rate ไปสู่ระดับ 1,500–1,600 จุด ในระยะ 3-12 เดือน
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งมี 2 ปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ดัชนี SET Index ปรับตัวลงได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบที่อาจปรับตัวสูงขึ้นหากสถานการณ์ในอิรักปรับตัวรุนแรงขึ้น และอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ของสหรัฐฯที่อยู่ในระดับต่ำอาจปรับตัวสูงขึ้นหากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขาต่างๆ มีการแสดงความเห็นในเชิงเข้มงวดทางการเงิน (Hawkish) มากขึ้น นอกจากนั้นยังคงมีผลกระทบเล็กน้อยจากความรู้สึก (Sentiment) เชิงลบจากการลดอันดับสถานการณ์การใช้แรงงานของไทยและความสัมพันธ์กับทางอียู
หุ้นที่แนะนำลงทุนในเดือนนี้ ได้แก่ กลุ่มพลังงานที่ได้ Sentiment เชิงบวกจากการปรับโครงสร้างรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ PTT, PTTEP, กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในที่ฟื้นตัว ได้แก่ ADVANC, AUCT, HMPRO, SAWAD, กลุ่มที่ธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงการปรับฐานขาขึ้น (Turnaround) ได้แก่ BMCL, TRUE และกลุ่มที่มีมูลค่าซ่อนเร้นอยู่ในสินทรัพย์ (Asset Play) ได้แก่ AQUA, WHA ซึ่งลักษณะการลงทุนยังคงแนะนำในลงทุนแบบ Theme ระยะ 1-3 เดือน ตามแบบผลิตภัณฑ์ The Big Picture ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทรีนีตี้ทุ่มเทคิดค้น และยังคงสามรถสร้างผลตอบแทนที่ดีเหนือ SET ได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับหุ้นที่แนะนำใน The Big Picture สำหรับเดือนมิถุนายนให้ผลตอบแทน 8.7% ในขณะที่ดัชนี SET Index ให้ผลตอบแทนเพียง 4.9% สำหรับ Portfolio ของ The Big Picture ให้ผลตอบแทนทั้งหมดตั้งแต่จัดตั้งระยะเวลา 48 เดือน สูงถึง 584% เทียบกับดัชนี SET index ที่ 86%