ขณะที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)อนุมัติโครงการลงทุนอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยบวกธุรกิจ ซึ่ง WHA มีความได้เปรียบเพราะ Built to Suit ขนาดใหญ่ เป็นที่ต้องการของลูกค้าหลัก รวมถึงขยายธุรกิจคลังสินค้าในต่างประเทศเป็นครั้งแรก ประเดิมที่อินโดนีเซียด้วยขนาดพื้นที่ให้เช่ารวม 3 หมื่นตร.ม.
นอกจากนี้ บริษัทจะจัดตั้งกอง REIT ประมาณ 4.5 พันล้านบาทในครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนต่อเนื่อง แม้ว่าปีนี้จะนำสินทรัพย์ขายเข้ากองทุนน้อยกว่าปีก่อน
นักวิเคราะห์ยังแนะให้รอจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัวกว่านี้ โดยปัจจุบันมี PE สูงกว่า 20 เท่า เทียบกับบมจ.ไทคอน อินดัสเตรียล คอนเน็คชั่น (TICON) ที่มี PE 15 เท่า
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท) บล.ทิสโก้ ซื้อ 46.00 บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) OutPerform 41.00 บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 40.80 บล.ทรีนิตี้ รอปรับประมาณการ 38.00 บล.กสิกรไทย ถือ 34.80
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"ราคาพื้นฐานปรับขึ้นเป็น 40.80 บาท ตามการปรับประมาณการขึ้น ปัจจัยพื้นฐานยิ่งดีขึ้นหลังจากการเข้ารุกตลาดสำนักงานในรูปแบบธุรกิจใหม่คือ Office Farm ที่มีรูปแบบคล้ายกับ Warehouse Farm เริ่มจากการทำให้ลูกค้า Hitachi และการเข้าซื้อโครงการ Equinox ข้อดีการรุกตลาดสำนักงานคือเป็นช่องทางช่วยเพิ่มกำไรและกระจายความเสี่ยงขณะที่อุปทานสำนักงานมีจำกัด
ปรับประมาณการปี 57 และ 58 ดีขึ้นในอัตรา 3% และ 8% ตามลำดับ สะท้อนรายได้ค่าเช่าจากสำนักงานที่เพิ่มขึ้นและการไปสร้างคลังสินค้าที่อินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งผลประโยชน์ที่ได้เพิ่มเติมจากการจัดตั้งกองทุน REIT คือ เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีการจัดตั้ง REIT ใหม่ได้ประมาณกลางปีหน้า พื้นที่เริ่มต้นเป็น 30,000 ตรม.มาจาก Equinox และฮิตาชิ และในอนาคตก็อาจจะขายเพิ่มเติมอีกเมื่อมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นหากในอนาคตจัดตั้งสำเร็จก็ถือเป็นส่วนเพิ่มกำไรปี 58 ขึ้นไปอีก
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ มองว่าการที่ WHA ซื้อตึกของบมจ.เมเจอร์ ดีเวลลปเม้นท์(MJD)เพื่อเป็นออฟฟิศให้เช่านอกจากโกดังให้เช่าที่ทำอยู่แล้ว เป็นการเติมเต็มธุรกิจของ WHA ให้ดีขึ้นเพราะลูกค้าบางส่วนเช่าโกดังและอยากจะมีสำนักงานอยู่ที่กทม.ด้วยก็อยากจะให้เป็นสมบูรณ์ไปเลยจึงให้ WHA มาช่วยเป็นการจัดตามลูกค้า
สำหรับกำไรสุทธิปีนี้คาดราว 1,380 ล้านบาท โดยจะยังคงขายสินทรัพย์เข้ากองทุน แต่ถ้าเทียบกับปีที่แล้วก็ลดลงเล็กน้อย
"แนวโน้มการลงทุนน่าจะดีขึ้นหลังจากที่ BOI เดินหน้า และ Built to Suit ก็น่าจะมีคนมาเช่าเยอะขึ้น" นายอภิชาติ กล่าว
ด้าน น.ส.กิ่งไผ่ คู่สกุลนิรันดร์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มองหุ้น WHA Outperform (ดีกว่าตลาด)ให้ราคาเป้าหมาย 41 บาท จากการเข้าซื้ออาคาร Equinox Office Tower จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตให้กับบริษัทจากธุรกิจอาคารสำนักงานและจะช่วยเพิ่มรายได้ค่าเช่าที่จะได้รับเป็นประจำให้กับ WHA โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าพื้นที่อาคาร Equinox จะอยู่ที่ประมาณ 8% ต่อปี
ปีนี้กำไรน่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนเพราะปีก่อนหลักๆจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน REIT ซึ่งนโยบายการดำเนินธุรกิจพยายามขายสินทรัพย์ให้มากเพื่อเอาเงินมาหมุนเพื่อจะสร้างแวร์เฮาส์ และมีแผนที่จะรักษาสัดส่วนการถือครองกองทุน REIT ไว้ที่ไม่เกิน 15%
"มองจากนี้ไปสถานการณ์การเมืองถ้าสงบลงและบอร์ดบีโอไอเริ่มผ่านโครงการได้ ซึ่งโครงการลงทุนจะเข้ามา Foreign Investment ตอนนี้มาแน่ๆ จะมีลูกค้าจ่อคิวรอทั้งโรงงาน แวร์เฮ้าส์อยู่เยอะ" นักวิเคราะห์ เคจีไอ กล่าว
ส่วนนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ มองแนวโน้มผลประกอบการปีนี้อาจจะต่ำกว่าปีก่อน ดูจากยอดที่จะขายเข้ากองทุนราว 4,500 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่มีมูลค่าเกือบ 6,000 ล้านบาท แม้ PE ที่เทรดค่อนข้างแพงถ้าเทียบ TICON แต่ถ้ามองในแง่การเติบโต WHA มีความได้เปรียบในเชิงมี Built to Suit ขนาดใหญ่ในอนาคตจะเป็น Strategy สำคัญในการเป็นโลจิสติกในการขนส่ง ถ้าเปิด AEC แล้วโอกาสที่จะได้งานจากลูกค้ารายเก่าเป็นไปได้ค่อนข้างมากเพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Consumer และ Health Care ซึ่งต้องการคลังสินค้าที่ออกแบบมาเหมาะสมและได้มาตรฐานในการจัดเก็บเพื่อรองรับโปรดักส์ของสินค้า เช่น อุณหภูมิ
ในอนาคตเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) แล้ว WHA น่าจะเติบโตก้าวกระโดด แต่รอให้ราคาต่ำกว่านี้เพราะ PE ค่อนข้างแพง 20 กว่าเท่า เทียบ TICON ที่ PE 15 เท่า คำแนะนำ อยู่ระหว่างการปรับประมาณการ Median Consensus อยู่ที่ 38 บาท
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองที่ดีต่อการขยายธุรกิจของ WHA ไปยังตลาดใหม่ ทั้งการไปตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่อินโดนีเซียด้วยขนาดพื้นที่ให้เช่ารวม 3 หมื่น ตร.ม.การรุกเข้าตลาดออฟฟิศให้เช่าด้วยการเข้าซื้อตึกออฟฟิศให้เช่ามูลค่า 2 พันลบ.และการพัฒนา Built-to-suit ออฟฟิศขนาด 1 หมื่นตร.ม.รวมถึงการขยายธุรกิจสู่โกดังให้เช่าแบบทั่วไปโดยการเข้าซื้อโกดังจากผู้ประกอบการปัจจุบันขนาดประมาณ 5 หมื่น ตร.ม.
อย่างไรก็ตาม การขยายพื้นที่เช่าเข้าไปในตลาดโกดังให้เช่าใหม่ๆนี้ ได้รวมเข้าไปในประมาณการของบริษัทที่ 300,000 ตร.ม.ต่อปีแล้ว แต่การเข้าซื้อตึกออฟฟิศให้เช่า ทำให้ปรับประมาณการปี 58-59 ขึ้น 1.9% -2.0% ตามลำดับ แต่ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 57 เช่นเดิมที่ 1.2 พันลบ.(-15.9%YoY) และปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 34.80 บาท เดิม 34.20 บาท