JMART ปรับลดเป้ารายได้-กำไรพร้อมแผนขยายสาขาใหม่ รับมือตลาดรวมไม่คึกคัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 3, 2014 16:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ มาร์ท(JMART)เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้ารายได้ลงเหลือเติบโต 15% หรือ 11,500 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 35% จากปี 56 มีรายได้อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท และคาดว่ากำไรจะเติบโตได้ราว 15% ต่ำกว่าเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 25% เนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้รับผลกระทบการเมืองทำให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง

ขณะที่ตลาดโทรศัพท์มือถือโดยรวมในแง่การผลิตโทรศัพท์มือถือไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ราคาเครื่องปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ทมูลค่าตลาดยังเติบโตได้ แต่ไม่ได้คึกคัก เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดครึ่งปีหลังเชื่อว่ายังเป็นไปในทิศทางที่ดีและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจัยภายนอกจะเป็นลบ แต่โทรศัพท์มือถือเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในการใช้งานในโลกยุคปัจจุบัน

อีกทั้ง บริษัทฯได้จัดงานเจมาร์ท โมบาย โชว์ 2014 เพื่อดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ และสร้างการรับรู้ในแบรนด์มากขึ้น โดยคาดว่าจะงบลงทุนในการจัดงานราว 150 ล้านบาท ซึ่งจะจัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว,เดอะมอลล์ บางกะปิ,ศูนย์การค้า เมกา บางนา,ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ และศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ตั้งแต่วันที่ 3-9 ก.ค.57 นี้

"เราปรับกลยุทธ์มีการรุกตลาดมากขึ้น ซึ่งเราก็มีการจัดงานเจมาร์ท โมบายโชว์ 2014 กระตุ้นยอดขายในช่วงที่เหลือของปี และเราก็คิดว่าในครึ่งปีหลังนี้เศรษฐกิจก็น่าจะดีขึ้น และทั้งปีก็น่าจะเป็นไปตามที่เราวางเป้าหมายไว้ที่ 15%ได้"นายอดิศักดิ์ กล่าว

นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังได้ปรับแผนขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศในปีนี้ โดยจะใช้งบลงทุนราว 400 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม คาดว่าจะมีสาขาจำนวนรวมเพิ่มเป็น 280 สาขา ลดลงจากแผนเดิมที่ตั้งไว้ 300 สาขา จากปี 56 มีสาขาทั้งสิ้น 250 สาขา โดยการเปิดสาขาในต่างประเทศที่เป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรในพม่า ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 10 สาขา คาดว่าปลายปีปีจะเพิ่มเป็น 26 สาขา ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะมี 30 สาขา ใช้งบลงทุนราว 250-300 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีนี้ และคืนทุนได้ภายใน 5 ปี (ปี 57-61)

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองการเติบโตของประเทศพม่าขยายตัวต่อเนื่อง โดยอัตราการใช้โทรศัพท์มือถือต่อประชากรมีเพียง 10% จากประชากรทั้งหมด ซึ่งยังมีแนวโน้มการเติบโตได้อีกมาก ขณะที่ประเทศไทยอัตราการใช้โทรศัพท์มือถือต่อประชากรอยู่ที่ 130-140%

"เทรนตลาดที่พม่าเรามองว่ามีแนวโน้มที่ดีมาก โดยการใช้มือถือต่อประชากรยังมีอยู่เพียง 10% ขณะที่ไทยตอนนี้มี 130-140% ซึ่งเรามีโอกาสเติบโตสูง ขณะที่จากที่มีการลงทุนเปิดสาขาไปแล้วมองว่าสิ้นปีจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้ และเราอยากจะให้คืนทุนและเริ่มทำกำไรจากสิ่งที่เราลงทุนไปภายใน 5 ปี ซึ่งระยะเวลาต่อจากนี้เราก็จะลงทุนไปเรื่อยๆ ขยายโครงสร้างธุรกิจให้โตไปอย่างมั่นคงก่อนใน 5 ปีนี้"นายอดิศักดิ์ กล่าว

นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทปรับแผนการนำบริษัทลูก คือ บริษัท JAS Asset จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเปลี่ยนแผนจากการเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปีนี้ ไปเป็นการเข้าตลาดหลักทรัพย์ SET ในกลางปี 58 แทน เนื่องจากมองศักยภาพของ JAS เข้าเกณฑ์หรือเป็นไปตามกฎระเบียบของการเข้าจดทะเบียนใน SET มากกว่า อีกทั้งบริษัทมองโอกาสการเติบโตที่ดีกว่าในการเข้า SET เพราะเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดการลงทุนได้ดีกว่า

อนึ่ง บริษัท JAS Asset จำกัด เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ โดยปีนี้ได้ตั้งงบลงทุนเพื่อพัฒนาพื้นที่เช่าราว 600 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ