นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า AIRA เป็น holding company ที่ลงทุนในกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทสมาชิกหมายเลข 48 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นบริษัทแกน และมีบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมอีก 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไอร่า แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) (AF) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัท ไอร่า แอดไวเซอรี่ จำกัด และ AIRA international Advisory (Singapore) Pte. Ltd.
AIRA มีทุนชำระแล้ว 973.21 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 3,116.73 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 776.11 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 633.93 ล้านหุ้นและเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน 124.67 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.75 บาท เมื่อวันที่ 26, 27 และ 30 มิ.ย.57
รวมถึงหุ้นสามัญจากการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญที่จัดสรรให้แก่กรรมการ ผู้บริหารและพนักงาน (ESOP Warrant) 17.51 ล้านหุ้น ที่ราคาใช้สิทธิ 0.25 บาทต่อหุ้น มีมูลค่าระดมทุนรวม 573.33 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIRA เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนใน mai จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัทเพื่อรองรับแผนการขยายฐานลูกค้า แผนการขยายธุรกิจ และแผนการลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนแก่บริษัทและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงแก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
AIRA มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลังการเสนอขายและการใช้สิทธิครั้งนี้ ได้แก่ บริษัท เจ อาร์ เค โฮลดิ้ง จำกัด (ถือหุ้นโดยกลุ่มตระกูลจุฬางกูร 100%) ถือหุ้น 37.19% กลุ่มนางนลินี งามเศรษฐมาศ ถือหุ้น 10.06% และกลุ่มนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้น 8.10%
การกำหนดราคา IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (P/BV) ที่ 2.36 เท่า โดยคำนวณจากมูลค่าตามบัญชีของบริษัทสำหรับวันที่ 31 มีนาคม 2557 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญก่อนการเสนอขายประชาชนในครั้งนี้ ทั้งนี้ หากคำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายต่อประชาชน ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน และการใช้สิทธิ ESOP Warrant ครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็น P/BV ที่ 1.87 เท่า ขณะที่ค่า P/BV เฉลี่ยของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงระยะเวลา 1 ปี (7 มิ.ย.56 - 6 มิ.ย.57) เท่ากับ 2.92 เท่า
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีและเงินสำรองตามกฎหมาย