ทั้งนี้ บริษัทให้ความเชื่อมั่นกับผู้ลงทุนว่าจะนำศักยภาพด้านประสบการณ์ในธุรกิจไลฟ์สไตล์เอนเตอร์เทนเม้นต์ตลอดระยะเวลา 33 ปี และสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ เสริมด้วยแผนการ Synergy กับพันธมิตรในประเทศและระดับโลก รวมทั้งการขยายสู่ธุรกิจดิจิตอลยุคใหม่ ภายใต้แบรนด์"Gizman"จะส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป อีกทั้ง กำลังพิจารณาเครื่องมือทางการเงินเพื่อตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้
ธุรกิจบันเทิงและไลฟ์สไตล์ เป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีพัฒนาการที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจไลฟ์สไตล์เอนเตอร์เทนเม้นต์ บริษัทมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งการมีสินค้าที่ทันสมัยตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ความบันเทิง ประสบการณ์ในการบริหารงาน บุคคลากรที่มีความรู้ความชำนาญ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทำเลที่ตั้งของสาขาในจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ และฐานลูกค้าจำนวนมาก
สำหรับการกลับเข้ามาเทรดในตลาด เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ บริษัท มีพันธกิจที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้าต่อไป โดยวางแผน Synergy กับพันธมิตรชั้นนำในประเทศและในระดับโลก รวมทั้งเสริมธุรกิจของแมงป่อง ด้วยการนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์เทคโนโลยี ภายใต้แบรนด์ "Gizman" ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคสมัยใหม่ได้อย่างแท้จริง บริษัท มีความมั่นใจว่าปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้ยอดขายในปี 57 บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ มีอัตราการเติบโตระหว่าง 15-25%
บริษัท มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานประจำปี 2556 เท่ากับ 6.62 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 เท่ากับ 199.24 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 1 ณ วันที่ 31 มีนาคม 255 7 เท่ากับ 2.02 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 197.72 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าบริษัท มีผลดำเนินงานและฐานะทางการเงินที่มั่นคง
"บริษัท จะเน้นกลยุทธ์ในการทำตลาด E-Commerce ให้มากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการซื้อสินค้าทางออนไลน์มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยบริษัท มีเว็บไซต์ mangpong.co.th และเว็บไซต์ gizmanlifestyle.com นอกจากนี้ ยังมี application mangpong ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว บริษัท คาดว่ายอดขายของสินค้าแมงป่องและ Gizman ในส่วนออนไลน์ จะเพิ่มขึ้นประมาณ 30- 50% ในปีนี้"นางกิตติ์ยาใจ กล่าว
บริษัทมีแผนขยายสาขา Gizman เพิ่มปีละ 5 สาขา ได้แก่ สาขาเซ็นทรัลพระราม 3, สยามพารากอน, เอ็มบีเคเซ็นเตอร์, เดอะไนน์ พระราม 9 และ 55 มาร์เก็ต ศรีนครินทร์ ด้วยงบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้เติบโตในปีนี้ กว่า 25% และตั้งเป้าเพิ่มพาทเนอร์ทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในปีนี้ประมาณ 50-60 ราย คาดว่าจะขยายสาขาครบ 15 แห่งภายใน 3 ปี
ทั้งนี้ สินค้าที่จำหน่ายที่ช็อป Gizman แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ประเภทแรก คือ สินค้าที่เป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Sennheiser, Beats, Marshall, Jawbone, Gopro, iRobot, Vanmoof ส่วนประเภทที่สอง คือ สินค้าแบรนด์ Gizman ซึ่งบริษัท มีนโยบายในการร่วมมือกับบริษัท ชั้นนำ ในการผลิตสินค้าคุณภาพแบรนด์ Gizman โดยสินค้าแนะนำสู่ตลาด คือ GizCard (กิซ-การ์ด) หรือการ์ดหน่วยความจำรวบรวมไฟล์เพลงดิจิตอลที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์และสามารถต่อใช้งานกับลำโพงพกพาแบบบลูทูธ Gizman ในอนาคตบริษัท ยังมีนโยบายที่จะเป็นพันธมิตรร่วมกับคู่ค้ารายอื่นที่มีศักยภาพและมีนโยบายในการดำเนินธุรกิจเป็นไปในทิศทางและเป้าหมายเดียวกันอีกด้วย
ธุรกิจหลักด้านไลฟ์สไตล์เอนเตอร์เทนเม้นต์ ของบริษัท ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และเพลงสากลต่างประเทศ และเตรียมเปิดสาขาเพิ่มในศูนย์การค้าชั้นนำทั่วประเทศ โดยการดำเนินธุรกิจในระยะต่อไป บริษัท จะให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย การเพิ่มรายได้ และคัดสรรเฉพาะลิขสิทธิ์ที่มีคุณภาพที่กำลังได้รับความนิยม โดยคำนึงถึงความสามารถในการทำกำไรเป็นหลัก การสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าให้โดดเด่น และการให้บริการที่ประทับใจแก่ลูกค้า