สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 95,665 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 76,781 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 80.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,310 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 15.0% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,605 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB236A และ LB21DA (รุ่นอายุ 2.9 ปี, 8.9 ปี และ 7.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 8,893 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT175A) มูลค่า 240.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (ICBCTL149A) มูลค่า 202.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT188B) มูลค่า 160.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 604.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 15,678 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,705 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 10,454 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.06% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.22% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร โดยล่าสุดผลประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ระดับ 0.15% และ -0.1% เช่นเดิม ตามที่ตลาดคาดไว้ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมายังคงมีแนวโน้มเชิงบวก โดยเฉพาะตัวเลข Non-farm Payroll เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 288,000 ตำแหน่ง สูงกว่าคาดที่ 211,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.1% จาก 6.3% ด้านนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มีแรงซื้อในพันธบัตรระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 10,454 ล้านบาท(ยอด Holding ณ สัปดาห์นี้ ลดลง 1,990 ล้านบาท เป็น 665,033 ล้านบาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 667,023 ล้านบาท โดยมียอด Expired เท่ากับ 25,158.40 ล้านบาท)