นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบไปจนถึงอ่อนตัวลงได้ เนื่องจากตลาดยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามา ประกอบกับ แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเริ่มแผ่ว
นอกจากนี้ ช่วงนี้เป็นช่วงของการทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของไทย อีกทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการเมื่อวันศุกร์ที่แล้วทำให้ตลาดฯไม่มีตัวชี้นำ และทั่วโลกเองก็กำลังจับตางบบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯด้วย ดังนั้น นักลงทุนจึงอาจชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทาง
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทางลบเล็กน้อยเฉลี่ยราว 0.1-0.3% ปัจจัยจับตาคือเรื่องที่ผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)ออกมาระบุว่าอาจปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกในเดือนนี้ จากเดิมที่คาดจะเติบโต 3.6%
พร้อมให้แนวับ 1,485 จุด แนวต้าน 1,500-1,505 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คปิดทำการวันศุกร์ที่ 4 ก.ค.เนื่องในวันชาติสหรัฐฯ
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 3.64 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.25 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 35.04 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.78 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.41 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.49 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(4 ก.ค.) ที่ 1,495.83 จุด เพิ่มขึ้น 2.62 จุด(+0.18%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 28.15 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.ค.57
- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวันศุกร์ที่ 4 ก.ค.เนื่องในวันชาติสหรัฐฯ
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(4 ก.ค.)ที่ 5.04 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.38/39 รอปัจจัยใหม่เข้ามา
- นักวิเคราะห์คาดส่งออกไทยปีนี้ต่ำเป้าที่ 3.5% คาดขยายตัวไม่ถึง 3% เหตุเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า-ตลาดส่งออกแข่งเดือด หวังบีโอไออนุมัติลงทุนใหม่หนุนแข่งขันปีหน้า ด้านไอเอ็มเอฟชี้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าคาด เตรียมหั่นเป้าใหม่ปลายเดือนนี้
- "กสทช."สั่ง"ทีโอที-กสท"ส่งการบ้านทางรอดองค์กรก่อนประมวลผลส่ง "คสช." ภายในสัปดาห์นี้ เผยข้อเสนอ 2 รัฐวิสาหกิจไม่ขอส่งเงินเข้าคลังตาม พ.ร.บ. "กสทช." ยึดคลื่น 900-1800 ไว้ใช้เอง อ้างเป็นสิทธิเฉพาะไม่มีหมดอายุ "ยงยุทธ" ซีอีโอทีโอทีเดินสายเคลียร์ หวังหนุนหยุดส่งรายได้เข้าแผ่นดิน พบ "ประวิตร" ที่ปรึกษา คสช. ขอแรงหนุน
- อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการเร่งรัดการเบิกงบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ว่า เบื้องต้นคาดว่าการเบิกจ่ายงบจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยภาพีรวมน่าจะเบิกจ่ายได้เพียง 90.8% จากเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ 95% และเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนได้ 65% จากเป้าหมาย82% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างแน่นอน เพราะเดิมเคยคาดไว้ว่าหากเบิกจ่ายงบได้ตามเป้ายหมายจะทำให้มีเม็ดเงินจากภารคัฐลงสู่ระบบเศรษฐกิจสูงถึง 2.39 ล้านล้านบาท
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เร่งสำรวจภาพรวมตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีหลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าปัจจัยต่างๆ เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะภาคการส่งออกจากที่เคยได้รับผลกระทบอย่างหนักก็เริ่มฟื้นตัวได้ อย่างต่อเนื่องแม้ยังมีปัจจัยเสี่ยงพิเศษที่น่าจับตาเรื่องสหภาพยุโรป(อียู) ส่งผลให้ผู้ส่งออกส่วนใหญ่วิตกกังวลมากก็ตาม แต่เชื่อว่าจะกระทบไม่มากนัก
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค.แจ้งนโยบายสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ(แบงก์รัฐ) ให้พิจารณาเรื่องการขายหนี้ที่ไม่ก่อเกิดรายได้(เอ็นพีแอล)อย่างมีเหตุผล และหากต้องการขายหนี้เสียควรขายหากเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอ ตัวอย่างรุนแรงกะทันหัน ไม่ใช่ต้องการขายหนี้เสียออกไปเพราะบริหารผิดพลาดเองและต้องคำนึงถึงหลักศาสนาด้วย
*หุ้นเด่นวันนี้
- AIRA(บมจ.ไอร่า แคปปิตอล)เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai ราคา IPO ที่ 0.75 บาท/หุ้น ผู้บริหารเผยการเข้าจดทะเบียนฯครั้งนี้จะเป็นการผลักดันการขยายธุรกิจของบริษัทฯต่อไปในอนาคต บริษัทเตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายการลงทุนในอนาคตในธุรกิจการเงิน ได้แก่ ขยายธุรกิจในบริษัทย่อย รวมถึง ธุรกิจเช่า ธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจสินเชื่อเพื่อการบริโภค ธุรกิจประกัน และธุรกิจอื่นๆ ทางด้านการเงิน รวมทั้งชำระคืนตั๋วแลกเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
- JAS(เคเคเทรด)"ซื้อ"ป้า 11.20 บาท เชื่อข่าวถูกฟ้องร้องจะไม่กระทบปัจจัยพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ เพราะหากข่าวศาลรับคำฟ้องกระบวนการพิจารณาจะใช้เวลานานเกินกว่า 1 ปี แม้จะกดดันราคาหุ้นแต่ยังไม่กระทบการดำเนินธุรกิจ ในทางกลับกันหากข่าวไม่จริง ราคาหุ้นมีโอกาสดีดตัวขึ้นและกลับมาคาดหวังผลบวกจากการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานได้สำเร็จ ขณะที่ปัจจัยบวกระยะสั้นจะมาจากแนวโน้มจะทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ใน 2Q57 ที่ 920 ล้านบาท
- KBANK(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 215 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 1.14 หมื่นล้านบาท หรือกำไรต่อหุ้นที่ 4.75 บาท ลดลง 5% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 4% YoY จากที่สินเชื่อเติบโตตั้งแต่ต้นปีที่ระดับ 2.5% ดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เล็กน้อย ขณะที่ระดับ NPL ยังทรงตัวจึงไม่กดดันค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯมากนัก มองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะช่วยทำให้คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นจากฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น ยังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 57 ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท สูงกว่าประมาณการของ Consensus เล็กน้อย
- AAV(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 5.10 บาท คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน และเชื่อว่าการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ NYMEX เป็นวันที่ 6 ติดต่อกันเหลือ US$103.78/barrel จะเป็น Sentiment เชิงบวกในระยะสั้น และผลประกอบการกำลังจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วใน 1H57 และเข้าสู่ทิศทางฟื้นตัวใน 2H57 จากปัจจัยการเมืองที่เริ่มนิ่ง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ จะเป็นตัวแปรสำคัญเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กลับมาขยายตัว นอกจากนั้น ยังได้อานิสงค์จากการเข้าสู่ High Season ใน 4Q57 พร้อมคาดกำไรปกติปี 2557 จะเติบโต +13.5% yoy เป็น 891 ล้านบาท และขยายตัวโดดเด่นในปี 2558 ถึง +84.6% yoy เป็น 1,644 ล้านบาท
- IFEC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 7.10 บาท คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนจะตอบรับเชิงบวกหลังการประชุมแผนปฎิรูปพลังงานสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังสนับสนุนพลังงานทางเลือกเป็นนโยบายหลักของประเทศ และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนเป็น 30% จากเดิมที่ 25% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า และราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ ได้แก่ การเข้าซื้อโซลาร์ฟาร์ม 6 แห่ง ใน 3Q57 และ 13 แห่งใน 4Q57 ดังนั้น คาดจะเริ่มกำไรจากการดำเนินงานตั้งแต่ 3Q57 และเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 4Q57 รวมทั้งคาดกำไรสุทธิปี 57 เติบโต +394.2% yoy เป็น 130 ล้านบาท และราคาหุ้นยังมี Valuation ที่ไม่สูง