สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 72,188 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 42,118 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 58.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 15,385 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 21.3% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,693 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 4.9 ปี, 2.9 ปี และ 8.9 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 8,631 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน)(MINT193A) มูลค่า 426.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด(TLT14DA) มูลค่า 271.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย)จำกัด(ICBCTL185A) มูลค่า 224.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 922.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,406 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,512 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,342 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.06% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.21% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve แกว่งตัวในกรอบแคบๆ เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp. เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ๆ นักลงทุนติดตามรายงานการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ วันพุธนี้ โดยตลาดกังวลว่า Fed อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่ทยอยประกาศออกมามีแนวโน้มในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 1,342 ล้านบาท