ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 368,631 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 7, 2014 18:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (30 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม 2557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม368,631 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 92,158 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 5% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 78% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 287,172 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย(ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 53,306 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 5,551 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 4.9 ปี)LB176A (อายุ 2.9 ปี) และ LB15DA (อายุ 1.4 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 11,392 ล้านบาท 9,572 ล้านบาท และ 8,367 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB14722A (อายุ 14 วัน) CB14O02B (อายุ 91 วัน) และ CB15702A (อายุ 364 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 29,200 ล้านบาท 26,021 ล้านบาท และ 12,777 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT155A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 282 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย)จำกัด รุ่น TLT14DA(AAA) มูลค่าการซื้อขาย 271 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT175A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 241 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงประมาณ +3 ถึง +10 Basis Point(100 Basis Point มีค่าเท่ากับ 1%)ทั้งนี้ เงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตราสารหนี้ระยะสั้น นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน และการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือน มิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นและสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด ทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มฟื้นตัว บวกกับขนาดของมาตรการ QE ที่ทยอยลดลงเรื่อยๆ (ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 35,000 ล้านเหรียญ USD ต่อเดือน) ส่งผลให้ Yield ของ US Treasury เพิ่มสูงขึ้น และมีส่วนทำให้ Yield ของพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท(ทั้งระยะสั้น และระยะยาว)รวมกัน 39,874 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 38,094 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 1,780 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดซื้อสุทธิ 1,578 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ