“ผมพร้อมที่จะดึงประสบการณ์การบริหารงานในแบงก์มากกว่า 30 ปีมาใช้ผสมผสานการทำงานกับปริญสิริ เพราะการทำธุรกิจมี 2 ขาขาหนึ่งคือผู้ประกอบการ อีกขาคือสถาบันการเงิน ซึ่งผมผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาแล้ว โดยเคยดูแลการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าขนาดเล็ก ขนาดกลาง ลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งการดำเนินธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จจำเป็นต้องรู้เขา รู้เรารู้จังหวะเวลาสิ่งที่เรามี รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการทราบถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องคืออะไรความจริงสถาบันการเงินเองก็ให้เงินในโครงการมากกว่าทุนของผู้ประกอบการเสียอีก"นายอุเทน กล่าว
สำหรับแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้คาดว่าจะฟื้นตัวหลังจากปัญหาการเมืองเริ่มคลี่คลาย ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้น ซึ่งเห็นได้จากการเข้าเยี่ยมโครงการที่เพิ่มมากขึ้น และยอดจองโครงการเริ่มมีมากขึ้น หลังจากชะลอตัวตั้งแต่ปลายปี 56 ถึงช่วงไตรมาส 1/57 โดยวางเป้าหมายรายได้ในปีนี้จะทำให้ได้ที่ 2.9 พันล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เดิม
ในปี 57 บริษัทมีแผนแผนเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่าประมาณ 6,515 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 1 โครงการมูลค่า 2,400 ล้านบาท บ้านแฝด 1 โครงการ มูลค่า 1,300 ล้านบาท ทาวน์โฮม 3 โครงการ มูลค่า 1,615 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 1,200 ล้านบาท
ประกอบด้วย บ้านทาวน์โฮม โครงการซิกเนเจอร์ รามอินทรา ถนนพระยาสุเรนทร์ 24 โครงการโคราซอน ประชาชื่น ถนนประชาชื่น ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดขายในช่วง ไตรมาส 3/57, บ้านทาวน์โฮม และโครงการซิตี้เซนส์ รามอินทรา ถนนพระยาสุเรนทร์ 30 ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 4/57
บ้านเดี่ยว โครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ ถนนราชพฤกษ์ ได้เปิดขายแล้วเมื่อเดือนมกราคม 57 โดย ณ วันที่ 24 มิ.ย. 57 มียอดขายแล้วกว่า 240 ล้านบาท และเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนแล้ว บ้านทาวน์โฮม โครงการซิกเนเจอร์ รามอินทรา ถนนพระยาสุเรนทร์ 24 เปิดขายแล้วช่วงปลายเดือนมิถุนายน 57 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 20 ล้านบาท เป็นโครงการที่สร้างเสร็จเกือบหมดทั้งโครงการแล้วมีความพร้อมโอนได้ทันที
และบ้านแฝด โครงการอิคอนเนเจอร์ พระราม 2 ถนนเทียนทะเลปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดขายช่วงไตรมาส 3/57 คอนโดมิเนียม โครงการรัตนาธิเบศร์ ถนนรัตนาธิเบศร์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดโครงการ และรับรู้รายได้ได้ในช่วงไตรมาส 4/57
นายอุเทน กล่าวว่า การระดมทุนในการทำธุรกิจของ PRIN ในช่วงต่อไปยังให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนทางการเงิน โดยจะมีการผสมผสานระหว่างการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์การออกตราสารทางการเงินอื่นๆ เพื่อให้สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทมีนโยบายคุมสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (ดี/อี) อยู่ในระดับ 1.5 -1.8 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 2 เท่า