สำหรับสัญญาความร่วมมือครั้งนี้มีกำหนดระยะเวลา 3 ปี จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งลักษณะความร่วมมือจะไม่ใช่แค่การจ้างงาน แต่จะมีลักษณะเป็นคู่ค้า มีการปรับปรุงมาตรฐานการทำงานร่วมกันให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงมีแผนความร่วมมือต่อยอดในอนาคต เท่ากับว่านอกจากรายได้แล้ว ยังเป็นการพัฒนาศักยภาพและมาตรฐานการให้บริการโลจิสติกส์ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการได้ให้บริการบริษัทในเครือ ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำมีผลต่อความเชื่อมั่นต่อลูกค้าในอนาคตอีกด้วย
สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ ETG ผ่านการคัดเลือกและชนะการประมูลครั้งนี้นั้น เนื่องจากมีระบบบริหารจัดการที่เป็นระดับสากล ใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี คือ การนำระบบ GPS มาใช้สำหรับเฝ้าติดตามและตรวจสอบการวิ่งของรถ, การใช้ระบบ TMS (Transportation management system) บริหารงานขนส่ง วางแผนการเดินทาง เพื่อให้ไปถึงที่หมายได้อย่างถูกต้อง สะดวกรวดเร็ว และมีการปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย อีกทั้งยังใส่ใจเรื่องความปลอดภัย โดยมีการจัดซื้อรถใหม่ ที่มีสมรรถนะดี มีพนักงานขับรถที่ผ่านการ ฝึกอบรมมีการซ่อมบำรุงและดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้พร้อมทำงานได้ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ETG ยังให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเลือกใช้รถ EURO3 ของ ISUZU ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่ที่ปล่อยไอเสียน้อยลงและประหยัดน้ำมันกว่าเดิมประมาณ 10% ทั้งหมดช่วยให้การขนส่งตรงเวลา มีความปลอดภัย ไม่มีความเสียหาย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดเป็นการพิสูจน์ว่า ETG ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่พัฒนามาจากระดับ Local จนมีมาตรฐานการทำงานสากล มีความรู้อย่างแท้จริงทั้ง งานบริหารและงานภาคสนาม มีรถ คนขับ และฝ่ายซ่อมบำรุงเองทั้งหมด
“เบื้องต้น ETG ได้ออกแบบการให้บริการแก่ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ โดยใช้รถ 10 ล้อจาก ISUZU ที่สามารถบรรทุกสินค้าถึง 36 roll cages ที่สำคัญมีการวางแผนงานและจัดจำนวนพนักงานขับรถให้เพียงพอต่อการทำงานแบบ 7 วัน 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดให้มีพนักงาน ETG ประจำที่ Site JIFFY ด้วย เพื่อความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นว่าสามารถให้บริการได้เป็นอย่างดี" นายพูนศักดิ์ กล่าว
นายพูนศักดิ์ กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจของ ETG แม้จะมีสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนแรก แต่บริการโลจิสติกส์ถือเป็นปัจจัยสำคัญในทางอุตสาหกรรม โดย ETG มีผลประกอบการครึ่งปีแรก ประมาณกว่าเจ็ดร้อยล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 6.7% ขณะที่เป้าการเติบโตปีนี้อยู่ที่ 5% ใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิม พร้อมกับขยายฐานลูกค้าใหม่ ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการโลจิสติกส์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดเออีซีและรับมือการแข่งขันจากผู้ให้บริการหลากหลายประเทศ อีกทั้งเพื่อลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการโลจิสติกส์แบบครบวงจรให้กับลูกค้า
ด้านนายจักรกฤช จารุจินดา กรรมการผู้จัดการ PTTRM กล่าวว่า บริษัทได้เลือก ETG เป็นคู่ค้า โดยเห็นว่าเป็นผู้ให้บริการขนส่งที่มีประสบการณ์ด้านการขนส่งสินค้าสำหรับธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยเป็นเวลานาน มีการบริหารต้นทุนได้ดี และในอนาคตหากมีการขยายธุรกิจใหม่ๆ ETG จะเป็นผู้ให้บริการขนส่งรายแรกๆที่ PTTRM นึกถึง