นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศและตลาดภูมิภาค แต่อาจมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการในไตรมาส 2/57 ของบริษัทจดทะเบียนเข้ามา ที่จะเริ่มทยอยประกาศในสัปดาห์หน้าโดยมีกลุ่มแบงก์เป็นกลุ่มแรกที่ประกาศออกมา ให้แนวรับที่ 1,490 จุด แนวต้านที่ 1,520 จุด
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ ทั้งดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์และตลาดยุโรป ขณะเดียวกันตลาดภูมิภาคก็ปรับตัวด้วย
แต่คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาสลับกัน เพราะตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุนและมีการเก็งผลประกอบบการในไตรมาส 2/57 ที่สัปดาห์หน้ากลุ่มแบงก์จะเริ่มทยอยประกาศออกมา อย่างไรก็ดี ขณะนี้ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ใกล้ Fair Value แล้ว
"ตลาดหุ้นไทยยังน่าไปต่อปลายปีน่าจะไปได้ถึง 1,600 จุด ยังไม่เห็นสัญญาณพักฐาน"นายธวัชชัย กล่าว
พร้อมให้แนวรับที่ 1,490 จุด แนวต้านที่ 1,520 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(8 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,906.62 จุด ลดลง 117.59 จุด (-0.69%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,963.71 จุด ลดลง 13.94 จุด(-0.70%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,391.46 จุด ลดลง 60.07 จุด(-1.35%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 120.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 133.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 20.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 9.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.89 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.22 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(8 ก.ค.) ที่ 1,507.58 จุด เพิ่มขึ้น 4.37 จุด(+0.29%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,123.59 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ก.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(8 ก.ค.)ที่ 103.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
ลดลง 13 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(8 ก.ค.)ที่ 4.22 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.37/39 แข็งค่าตามภูมิภาค
- สมาคมตราสารหนี้รับเฟด "ยุติคิวอี ขึ้นดอกเบี้ย"เป็นความเสี่ยงดึงเงินไหลออก มั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งหนุนเงินไหลเข้าต่อเนื่อง หวังทั้งปีเงินไหลเข้าสุทธิเป็นบวก ด้าน ก.ล.ต.ออกเกณฑ์คุมขายตราสารหนี้ภาครัฐ ต้องยื่นแบบไฟลิ่ง เปิดข้อมูลสำคัญ เริ่มบังคับใช้ 1 ม.ค.2558 หวังยกระดับหน่วยงานรัฐ
- เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)เผยได้รายงานสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจให้ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นประธาน โดยยืนยันว่าจะเริ่มเห็นเศรษฐกิจกลับมาเป็นบวกได้ในไตรมาส 2 โดยทั้งปีจะเติบโตได้ในระดับค่อนไปที่ 2.5% จากการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจซึ่งมีน้ำหนักต่อเศรษฐกิจ 20-25% เพื่อทดแทนการส่งออกที่ขยายตัวไม่ดีนัก
- ธปท.หนุน"คสช."เดินหน้ากฎหมายประกันธุรกิจ เปิดทางผู้ประกอบการ "เอสเอ็มอี" นำสิทธิบัตร สินค้าคงคลัง สัญญาเช่า เป็นหลักประกันได้มากขึ้น หวังเพิ่มแหล่ง เงินทุน และเข้าเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่ายขึ้น พร้อมแนะให้ใช้ตัวกลางช่วยประเมินมูลค่า เผยคลังเป็นผู้ร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่ติดปัญหาความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้อง หลังประเมินแล้วหลักประกันดังกล่าว อาจเกิดปัญหาในการติดตามทรัพย์สินในทางปฏิบัติ การบังคับทางกฎหมาย และการประเมินมูลค่า
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยบทวิเคราะห์กรณีที่กระทรวงพาณิชย์ปรับคาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 57 ขยายตัวได้ 3.5% จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 5% นั้น เดือนกรกฎาคมนี้ สศค.จะปรับลดประมาณการการส่งออกเช่นกัน โดยวิเคราะห์จากมูลค่าการส่งออกของไทย 5 เดือนแรกของปีนี้ ติดลบ 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 เนื่องจากการส่งออกสินค้าหมวดเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุปทาน (ผลผลิต) กุ้งและอาหารทะเลแช่แข็ง ลดลง ประกอบกับราคายางพารายังมีทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่อง
*หุ้นเด่นวันนี้
- TMB (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 2.70 บาท นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดกำไรสุทธิใน 2Q57 ที่ 1.9 พันล้านบาท เติบโต 21% QoQ และ 667% YoY ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวของกำไรที่สูงสุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เรายังมองคุณภาพสินทรัพย์ของ TMB ที่ได้รับความเสี่ยงจากปัญหาสินเชื่อรายย่อยในช่วงที่ผ่านมาในระดับต่ำ ทำให้ธนาคารยังสามารถรักษาคุณภาพหนี้ได้ดี ไม่กดดันการตั้งสำรอง อีกทั้งในระยะถัดไป ประเมินว่า TMB มีโอกาสขยายฐานสินเชื่อลูกค้ากลุ่ม SME ได้เพิ่มมากขึ้น
- LH (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 11.25 บาท ยอดขายเดือน มิ.ย.สูงสุดในกลุ่มบ้านที่เราศึกษาที่ 4.5 พันล้านบาทจากการเปิดคอนโดฯ 333 Riverside ที่มียอดขาย 30% ของมูลค่าโครงการหลังเปิดตัวเพียง 15 วัน คาดช่วยหนุนกำไร 2Q57 เติบโตเป็น 1.7 พันล้านบาท มองมีจุดเด่นที่การรักษาระดับยอดขายที่ดีทั้งแนวราบ-คอนโดฯ รวมถึงรับรู้รายได้ที่ต่อเนื่องจากโครงการคอนโดฯ ทำให้ผลประกอบการจะทำระดับสูงสุดของปีในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งยังไม่ได้รวมการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาฯโครงการ Terminal 21 ที่ยังเดินหน้าต่อ ผลประกอบการครึ่งปีแรกคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลที่ให้ผลตอบแทนราว 2.5%
- DCON(ฟินันเซีย ไซรัส)แนวโน้มกำไร 2Q14 ลดลง 32% Q-Q และ 16% Y-Y จากผลกระทบของการเมืองช่วงที่ผ่านมา แต่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นใน มิ.ย.ซึ่งได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิของปีนี้ลง 8% เป็นโตเพียง 3% Y-Y และปรับกำไรปี 58 ขึ้นเล็กน้อย 3% เป็นโตถึง 67% Y-Y รวมโครงการรถไฟทางคู่ที่จะประมูล 15 ก.ค.ต้องใช้เสาเข็มคอนกรีตขนาดเล็ก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท จึงปรับไปใช้เป้าหมายปี 58 ที่ 18 บาท และเป็นทั้งหุ้นเติบโตสูงและปันผลสูง(7% ต่อปี)ราคาหุ้นในระยะสั้นอาจอ่อนตัวตามกำไรที่ชะลอลงใน 2Q14 เป็นโอกาสในการซื้อ
- GFPT(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐาน 16.40 บาท ประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 57-58 จะโต 10% และ 11% ตามลำดับ(จากกำไรสุทธิปี 56 ที่บวกขึ้นก้าวกระโดดง 549%)พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 เติบโต 39%YoY และทรงตัว QoQ เป็น 420 ล้านบาท เป็นผลจากปริมาณส่งออกไก่สดแช่แข็งไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และยอดขายอาหารปลาสูงขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนลงเล็กน้อยตามการขยับขึ้นของราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ส่วนแนวโน้ม 3Q57 ยังไปได้ดี แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะขึ้น โดย 3Q เป็น High Season ของการส่งออก ทำให้ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นชดเชยกับมาร์จิ้นที่อ่อนลงได้เป็นส่วนใหญ่