(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งขึ้นขานรับผลประชุมเฟด ระหว่างวันอาจมีแรงขายทำกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 10, 2014 09:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาต ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มการขยับตัวขึ้นขานรับรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่รายงานเศรษฐกิจของสหรัฐฯมีการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีการลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ภายในเดือนตุลาคม 57 แต่เป็นปัจจัยที่นักลงทุนได้รับรู้ข่าวไปแล้ว ทำให้ไม่ส่งผลที่เป็นนัยสำคัญต่อตลาดมาก
"สิ่งที่จะเป็นนัยสำคัญต่อตลาดในวันนี้ที่จะขยับตัวขึ้นเป็นรายงานการประชุมของเฟดที่มั่นใจว่าเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวขึ้นและยังไม่มีการส่งสัญาณการขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าในเดือนตุลาคมนี้จะมีการลด QE แต่เป็นสิ่งที่นักลงทุนคาดไว้แล้ว ไม่ได้เซอร์ไพร์สอะไร"นายอภิชาต กล่าว

ส่วนปัจจัยในประเทศที่หนุนตลาดในวันนี้เป็นปัจจัยด้านกระแสเงินทุนไหลเข้าและการแข็งค่าของค่าเงินบาทในรอบ 4 เดือน อย่างไรก็ตามในระหว่างวันอาจมีความผันผวนจากแรงขายทำกำไรออกมา

สำหรับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียช่วงเช้านี้ส่วนใหญ่ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นจีนและญี่ปุ่นที่เคลื่อนไหวในแดนลบเล็กน้อยอยู่ที่ 0.1%

พร้อมให้แนวต้าน 1,513-1,520 จุด แนวรับ 1,500-1,505 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(9 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,985.61 จุด เพิ่มขึ้น 78.99 จุด (+0.47%),ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,972.83 จุด เพิ่มขึ้น 9.12 จุด (+0.46%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,419.03 จุด เพิ่มขึ้น 27.57 จุด(+0.63%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 15.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 105.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 22.91 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.81 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.19 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.07 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(9 ก.ค.) ที่ 1,507.92 จุด เพิ่มขึ้น 0.34 จุด (+0.02%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,949.91 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ค.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(9 ก.ค.)ที่ 102.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ลดลง 1.11 ดอลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(9 ก.ค.)ที่ 4.46 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.16/18 แนวโน้มแข็งค่าหลังสหรัฐจ่อยกเลิกมาตรการ QE
  • ธปท.ชี้"จีดีพี"โตได้ 2.5% ภายใต้เงื่อนไข ต้องมีมาตรการกระตุ้นลงทุนใหม่ ประเมินตัวเลข 1.5% ไม่น่ากังวล แต่มั่นใจปี 2558 โตเต็มศักยภาพที่ 5.5% ขณะกสิกรไทยปรับเพิ่มจีดีพีเป็น 2.3% เชื่อภาคธุรกิจได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในครึ่งปีหลัง
  • สศช.เตรียมเสนอยุทธศาสตร์ปรับปรุงโลจิสติกส์ เพิ่มความสำคัญขนส่งทางน้ำ ช่วยลดต้นทุนภาคเอกชน ด้านกรมเจ้าท่าดันโครงการก่อสร้างเขื่อนยกระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและน่าน 2 หมื่นล้าน เตรียมทำ"อีเอชไอเอ"คาดก่อสร้างใน 3 ปี เล็งเพิ่มเรือขนาดใหญ่ ขนส่งสินค้าในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ขณะเอกชนแนะทำแผนร่วม 3 ฝ่ายเพิ่ม การใช้ประโยชน์พื้นที่สร้างอุตสาหกรรม เชื่อมโยงขนส่งทางน้ำ
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า ในครึ่งปีหลังจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท จากงบประมาณที่ค้างไว้ในปีที่ผ่านมากว่า 1 แสนล้านบาท และเงินงบประมาณปี 2558 อีกจำนวนหนึ่ง ประกอบกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจลงทุนโครงการใหม่จะทำให้ภาคเอกชนเริ่มกลับมาลงทุนในปลายปี
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หากต้องการพัฒนาระบบการเงินและเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ที่จะช่วยให้ไทยเข้มแข็งทางเศรษฐกิจมากขึ้นเนื่องจากกฎหมายจดจำนองที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ปัจจุบันมีถึง 2.7-2.9 ล้านราย เข้าถึงสินเชื่อได้ทั้งหมด
  • รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 32 บาท/เหรียญสหรัฐ ซึ่งอยู่ระดับนี้มาตั้งแต่ต้นปี ถือเป็นระดับที่เอื้อกับภาคการส่งออกและเป็นระดับที่เหมาะสม ทั้งหมดเป็นไปตามกลไกของตลาดการเงินโลก โดยที่ทางการไทยไม่ได้เข้าไปแทรกแซงตลาดมากนัก
  • ก.ล.ต.เตรียมหารือสคร.อีกรอบ ส่งเสริมรัฐวิสาหกิจระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐานและกองรีท หลัง คสช. มีนโยบายหนุนเต็มที่ เผยมี 3-4 หน่วยงานให้ความสนใจแล้ว ชี้ กฟผ.คืบหน้ามากที่สุด เพราะเตรียมพร้อมนานเป็นปี คาดได้เห็นยื่นไฟลิ่งตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ภายในปีนี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CPF (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 33 บาท คาด 2Q57 ฟื้นตัวจาก 2Q57 ที่มีผลขาดทุนก่อนรายการพิเศษราว 1.5 พันล้านบาท มามีกำไรก่อนรายการพิเศษราว 2.5 พันล้านบาท จากยอดขายเติบโต 10%YoY จากธุรกิจเนื้อสัตว์ในประเทศแข็งแกร่ง โดยเฉพาะไก่ที่ราคาขายเพิ่มสูง รวมทั้งธุรกิจต่างประเทศฟื้นตัวโดยเฉพาะในเวียดนาม นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังจากการกลับมาเริ่มส่งออกเนื้อไก่แช่แข็งไปญี่ปุ่น ต้นทุนค่าอาหารสัตว์ลดลงและธุรกิจกุ้งในประเทศฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย
  • CPALL (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 52 บาท คาด 2Q57 จะเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มค้าปลีก มีกำไรสุทธิราว 2.9 พันล้านบาท เติบโต 7% QoQ และ 9% YoYo จากรายได้สาขาเดิมของร้านเซเว่นฯพลิกเป็นบวกในเม.ย.-พ.ค.ราว 3% และได้ประโยชน์ยอดขาย MAKRO ที่เติบโต 5% ขณะที่ค่าใช้จ่ายของการซื้อหุ้น MAKRO ลดลงชดเชยกับดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น ประมาณการปีนี้คาดจะมีกำไรจากธุรกิจปกติเพิ่มขึ้น 25% ดีสุดในกลุ่มค้าปลีกที่ศึกษาเนื่องจากธุรกิจรับมือภาวะเศรษฐกิจได้ดีกว่าค้าปลีกประเภทอื่น
  • SIM(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 4.60 บาท คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 290-300 ล้านบาท เติบโตทั้ง yoy และ qoq ทำระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท จากแรงหนุนของยอดขายโทรศัพท์ Digital TV และ Smartphone ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่เทคโนโลยี 3G และราคาหุ้นมี Valuation ที่ยังไม่แพง
  • BBL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 240 บาท คาดกลุ่มแบงก์ยัง Outperform ตลาดต่อได้ จากการไหลเข้าของกระแสเงินทุนต่างชาติกลับเข้าสะสมตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง พร้อมคาดกำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 10,250 ล้านบาท เติบโต +4% qoq และแนวโน้ม 2H57 จะสูงกว่า 1H57 ตามการเติบโตของสินเชื่อ และ Valuation ยังค่อนข้างถูก ซื้อขายระดับ PBV 2557 เพียง 1.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.5 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ