"บริษัทได้เข้าไปบุกตลาดกลุ่มใหม่ๆ อาทิ กลุ่มรองเท้าที่ได้ทยอยยื่นเสนองานเข้าไปตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ.57 ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกลุ่มของยานยนต์เองเริ่มมีคำสั่งซื้อกลับมาตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาส 2/57 ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะช่วยให้ช่วงครึ่งปีหลังเติบโตได้อย่างโดดเด่น"นายองอาจ กล่าว
แนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ราว 8-9 ร้อยล้านบาท โดยช่วงไตรมาส 1/57 ที่ผ่านมามียอดขาย 441.18 ล้านบาท เนื่องจกาบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ทำให้ยอดขายตกลงไปบ้าง แต่ถือว่าไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ออกมาทำตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ นอกเหนือจากกลุ่มยานยนต์
ส่วนครึ่งปีหลังแนวโน้มผลประกอบการน่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามาสานต่อนโยบายต่างๆได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการจ่ายเงินจำนำข้าวให้กับชาวนาที่จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะเห็นชัดเจนมากที่สุดในช่วงปลายไตรมาส 3/57-ไตรมาส 4/57
"ครึ่งปีแรกเรายอมรับว่ายอดตกไปบ้างแต่ไม่มาก ถึงแม้ว่ากลุ่มยานยนต์จะตกไปถึง 45% ก็ตาม เพราะเรามี product ตัวอื่นๆนอกเหนือจากยานยนต์ออกมาด้วย และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีในช่วงไตรมาส 3-4 ประกอบกับเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัวตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 คาดว่าจะเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นในปลายไตรมาส 3 และไตรมาส 4 คงจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในปีนี้ เราก็มองว่ายานยนต์ก็จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งโปรดักส์ใหม่และกลุ่มยานยนต์ที่เริ่มฟื้นตัวจะเป็นตัวช่วยให้ยอดขายของเราขึ้นไปถึงเป้าหมายที่วางไว้"นายองอาจ กล่าว