TAKUNI ประกอบธุรกิจประเภทจัดหา จัดส่ง จัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว, ให้บริการขนส่ง, ให้บริการติดตั้งระบบก๊าซรถยนตฺ์และระบบท่อก๊าซอุตสาหกรรม, ให้บริการ ตรวจสอบ และทดสอบที่เกี่ยวเนื่องกับระบบก๊าซ โดยบริษัทถือหุ้นในบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ทาคูนิไทย จำกัด, บริษัท จีแก๊ส จำกัด และบริษัท ราชพฤกษ์วิศวกรรม จำกัด โดยถือหุ้นในทั้ง 3 บริษัทสัดส่วนเท่า ๆ กันที่ 99.99% ของทุนชำระแล้วของแต่ละบริษัท
ณ วันที่ 25 เม.ย.57 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเรียกชำระแล้ว 150 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญ 300 ล้านหุ้น หลังเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้วบริษัทจะมีทุนชำระแล้ว 200 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญ 400 ล้านหุ้น
นายประเสริฐ ตรีวีรานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ TAKUNI กล่าวว่า บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อระดมทุนไปใช้ในการขยายกิจการ โดยเฉพาะการตั้งปั๊มก๊าซ LPG ภายใต้ชื่อ"แชมป์เปี้ยนแก๊ส"ซึ่งเบื้องต้นตั้ง 3 แห่งภายใน 1 ปีเน้นในทำเลกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งคาดว่าจะเป็นการซื้อกิจการจากเจ้าของเดิม ขณะที่มีเป้าหมายภายใน 5 ปีจะจัดตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 10 แห่ง พร้อมทั้งมีเป้าหมายจะจัดสร้างโรงบรรจุเพื่อทำการบรรจุก๊าซ LPG จำหน่ายให้กับโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนั้น จะใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ
"กลุ่มบริษัทกำหนดเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจพลังงานในกลุ่มผู้ประกอบการกลางขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยเน้นในส่วนของก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG รวมถึงขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบก๊าซ NGV เพิ่มขึ้น"นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเปิดใช้คลังก๊าซแห่งใหม่ที่ จ.ปทุมธานี ขนาดบรรจุ 400 ตันภายในปีนี้ หลังจากที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 55 จากเดิมที่มีคลังก๊าซอยู่ที่ จ.พิจิตร ขนาดประมาณ 1,000 ตันเป็นจุดกระจายก๊าซในบริเวณภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ดังนั้น จึงทำให้บริษัทมีช่องทางที่ขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น
อนึ่ง ผลประกอบการที่ผ่านมานั้น ในปี 56 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 1,209.21 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28.55 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 374.75 ล้านบาท หนี้สินรวม 152.90 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 221.85 ล้านบาท
สำหรับในปีนี้คาดว่าจะเติบโตในระดับเฉลี่ยปกติของปีที่ผ่านๆ มา คือรายได้เติบโตราว 10-20% ตามธุรกิจหลักคือการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่มีเสถียรภาพแล้ว โดยในปีนี้คาดว่าปริมาณการจำหน่ายจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 5.6 หมื่นตัน และปี 55 อยู่ที่ 4.8 หมื่นตัน ซึ่งการจำหน่ายก๊าซ LPG ในประเทศปัจจุบันอยู่ภายใต้ระบบโควต้าที่จะต้องซื้อจาก บมจ.ปตท.(PTT)ที่เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงรายเดียว ทำให้การเติบโตเป็นไปอย่างสม่ำเสมอไม่หวือหวา เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ราว 6%
ดังนั้น บริษัทจึงมองโอกาสที่จะอาศัยการเติบโตโดดเด่นของธุรกิจในบริษัทย่อย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้งานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานสร้างถังบรรจุก๊าซขนาดใหญ่ งานติดตั้งระบบก๊าซในส่วนต่าง ๆ รวมถึงงานด้านตรวจสอบด้านความปลอดภัยในลักษณะ NDT ที่ตลาดยังมีความต้องการสูง และมีคู่แข่งในประเทศน้อยราย นอกจากนั้น ยังมองถึงการขยายธุรกิจให้บริการไปยังลูกค้านอกกลุ่ม TAKUMI ด้วย ซึ่งธุรกิจบางประเภทของบริษทในกลุ่มมีอัตรากำไรสูงถึง 40%
ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 25 เม.ย.57 ได้แก่ กลุ่มครอบครัวนายประเสริฐ ตรีวีรานุวัฒน์ ถือหุ้น 240 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 80% หลังขายหุ้นเพิ่มทุนจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 60%
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่าง ๆ ทั้งหมด