สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 117,860 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 76,150 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 64.6% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 24,451 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.7% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,207 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB21DA และ LB176A (รุ่นอายุ 4.9 ปี, 7.4 ปี และ 2.9 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 10,240 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย)จำกัด(TLT155A)มูลค่า 251.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ซีเอฟจี เซอร์วิส จำกัด(CFG166A)มูลค่า 170.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด(มหาชน)(BH16DA)มูลค่า 164.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 586.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 11,072 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 14,045 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 15,661 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.19% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3-10 ปี ประมาณ 1-2 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury ล่าสุดรายงานการประชุม Fed ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่จะปรับลดขนาดโครงการ QE ต่อไป หากเศรษฐกิจยังคงมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อในพันธบัตรระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 15,661 ล้านบาท(ยอด Holding ณ สัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 13,688 ล้านบาท เป็น 678,721 ล้านบาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 665,033 ล้านบาท โดยมียอด Expired เท่ากับ 7,732 ล้านบาท)