โบรกฯแนะ"ซื้อ"SAMART เพิ่มส่วนแบ่งกำไร SIM ด้าน Set top box หนุนสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 14, 2014 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น(SAMART)คาดปีนี้กำไรสุทธิโตกว่า 20% หลังจากรับรู้ส่วนแบ่งกำไร SIM เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนถือหุ้นหลังซื้อคืนจาก Axiata Group รวมถือเป็น 74% จากเดิม 50% ซึ่งจะเกิดผลดีเพราะ SIM มีแนวโน้มธุรกิจสดใส โดยเฉพาะการเปิดขาย smart phone รุ่นใหม่ที่พ่วงด้วย digital TV ตลาดตอบรับดีมาก

ขณะที่การขายกล่อง Set top box หนุนการเติบโต รวมทั้งราคาหุ้นยังมี upside กว่า 20%

          โบรกฯ                              คำแนะนำ                   ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.เคเคเทรด                        ซื้อ                        26.90
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)        ซื้อ                        27.50
          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง                   ซื้อ                        26.00
          บล.ธนชาต                           ซื้อ                        29.00
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)                 ทยอยซื้อ                    25.00
          บล.โนมูระ พัฒนสิน                     ซื้อ                        26.60

น.ส.มินทรา รัตยาภาส นักวิเคราะห์การลงทุน บล.เคเคเทรด คาดว่า กำไรสุทธิของ SAMART ปีนี้จะเติบโตเฉลี่ย 20% จากปีก่อน โดยไตรมาส 2/57 น่าจะได้ประโยชน์จากบมจ.สามารถ ไอ โมบาย(SIM)เพราะกำไรของ SIM จะเพิ่มขึ้น ถึงแม้ SAMART จะรับรู้กำไรของ SIM ตามสัดส่วนหุ้น 50% ลดลงจากไตรมาส 1/57 ที่อยู่ในระดับ 60% แต่กำไรของ SIM เติบโตมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/57

ประกอบกับ บริษัทในกลุ่มของ SAMART ที่เป็น Non listed เช่น SAMART U-Trans ที่จะมีการรับรู้รายได้จากงานในมือที่บันทึกเข้ามาในไตรมาส 2/57

ส่วนการซื้อหุ้น SIM คืนจาก Axiata Group นั้นจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/57 หรือเริ่มส.ค.57 และอาจไปเริ่มรับรู้สัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 74% เต็มไตรมาสในไตรมาส 4

"กำไรของ SIM ในไตรมาส 2 ประมาณ 260 กว่าล้านบาท สัดส่วนกำไรที่ SAMART จะรับรู้ประมาณ 51% ลดลงจากไตรมาส 1 ที่รับรู้ 60% แต่ไตรมาส 1 ฐานกำไร SIM ต่ำ แต่ไตรมาส 2 กำไรโตขึ้น ทั้งปีมอง SAMART กำไรโตประมาณ 20% ที่ 1,815 ล้านบาท ยังไม่รวมสัดส่วนการถือหุ้น SIM ที่เพิ่มขึ้น"น.ส.มินทรา กล่าว

ส่วน บมจ.สามารถเทลคอม(SAMTEL)ปีนี้งานประมูลน่าจะเงียบ เพราะขึ้นอยู่กับโครงการของรัฐครึ่งปีหลังว่าจะออกมาได้เร็วขนาดไหนดูแล้วไม่น่าจะเร็ว แต่การรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจาก SIM ที่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นจะช่วยลดผลกระทบจากผลการดำเนินงาน SAMTEL ที่ไม่ตื่นเต้น ราคาหุ้นมี upside ถึง 24% ยังซื้อได้ นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)มองว่าผู้บริหาร SAMART ให้ข้อมูลในการ Road Show ในงาน Pulse of Asia ที่สิงคโปร์จัดโดย DBS สิ่งที่น่าสนใจที่ผู้บริหารได้กล่าวในงานคือ บริษัทคาดว่าปัจจัยบวกในปีนี้

สิ่งหนึ่งคือ การเปิดขาย smart phone รุ่นใหม่ที่พ่วงด้วย digital TV ตลาดตอบรับดีมาก โดยขายได้ 100,000 เครื่องแล้วในเวลาเพียงประมาณ 1 เดือนตั้งแต่เริ่มเปิดขาย พ.ค.57

สำหรับเป้าขายมือถือทั้งหมดปีนี้ตั้งไว้ที่ 4 ล้านเครื่อง ล่าสุดเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน SIM อีก 24% จาก Axiata Group Bhd. ด้วยเม็ดเงิน 2.8 พันล้านบาท(P/E ที่ 14 เท่า) เมื่อรวมกับสัดส่วนที่ถือไว้เดิมอีก 50% รวมเป็น 74% บริษัทคาดว่าจะเกิดผลดี เพราะ SIM มีแนวโน้มธุรกิจสดใสขณะที่ผู้เล่นรายหลักในอุตฯสื่อสารในไทยจะเน้นไปที่การขยายเครือข่าย 3G และมีจำหน่ายมือถือบ้างแต่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ดังนั้นการแข่งขันในเรื่องการจำหน่ายมือถือจึงค่อนข้างจำกัด

ส่วนเป้าหมายการขายกล่อง set top box ที่ใช้ในการชม TV Digital ตั้งเป้าจำหน่ายไว้ที่ 1.5 ล้านกล่องสำหรับปีนี้ ราคาขายต่อกล่องที่ประมาณ 1 พันบาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (net profit margin)ที่ 10% ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายในปัจจุบัน จะใช้ผู้ค้าส่งและผู้ค้าปลีกมากที่สุดในสัดส่วน 80% ปัจจุบันมีจุดจำหน่ายมากกว่า 10,000 จุดทั่วประเทศ

"ความนิยมในการใช้ smart phone ของผู้บริโภคทำให้สัดส่วนการจำหน่ายโทรศัทพ์ smart phone เพิ่มเป็น 60% จากยอดจำหน่ายทั้งหมดในเดือน พ.ค.57 เทียบกับ มี.ค.57 ที่ 44% จุดแข็งของบริษัทคือมีพอร์ตลงทุนที่หลากหลายกระจายความเสี่ยง มีธุรกิจที่ให้รายได้สม่ำเสมอ ขณะที่ธุรกิจ smart phone, digital TV ตลอดจนธุรกิจบริการอำนวยความสะดวกสบาย เช่น call center อยู่ในช่วงการเติบโตดี"นายสมบัติ กล่าว

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ปรับประมาณการกำไรปี 57 ขึ้น 7.8% เป็น 1,860 ล้านบาท เติบโต 27% YoY สะท้อนผลของการถือหุ้นใน SIM เพิ่มเป็น 74% จากเดิม 57% จึงรับรู้กำไรมากขึ้น และรวมผลของงานใหม่จาก Teda ในการสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย 2 แห่งให้การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)มูลค่าโครงการ 785 ล้านบาท

นอกจากนี้ มีโอกาสที่กำไร 2Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่จากกำไรของ SIM อ้างอิง PER 14 เท่า ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 26.00 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันจึงมี PER ต่ำลงเหลือ 11.4 เท่า

น.ส.รัศดา ทวีแสงสกุลไทย นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)แนะ"ทยอยซื้อ"ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท คาดกำไรปีนี้โต 13.34% และการเข้าถือ SIM เพิ่มขึ้นจะทำให้มีกำไรเพิ่มเข้ามาจากเดิมถือ 50% เป็นถือ 70% กำไรก็จะเพิ่มซึ่งธุรกิจ SIM แนวโน้มดีมาก อย่างไรก็ตาม มีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มเข้ามาเพราะเป็นการกู้สถาบันการเงินทั้งก้อน แต่Net(สุทธิ) แล้วกำไรที่เพิ่มมากกว่า

บล.ธนชาต"ซื้อ"ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 29.00 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าซื้อ SIM เพิ่มจาก Axiata อีก 23.93% ส่งผลให้ SAMART ถือหุ้น SIM เพิ่มขึ้นเป็น 74.1% ที่ราคา 2.73 บาท ต่ำกว่าเป้าหมายพื้นฐานที่ 3.50 บาท ถึง 22% ทำให้ปรับประมาณการกำไรขึ้น โดยคาดการณ์กำไร SIM เติบโตแข็งแกร่งใน 2Q14 จากการขายโทรศัพท์มือถือ Smart Phone เป็นปัจจัยหนุนกำไร SAMART และเป็น Catalyst ระยะสั้นต่อทั้ง SAMART และ SIM

ความชัดเจนในการกำหนดคูปองซื้อกล่อง Digital TV จะเป็น Catalyst ของราคาหุ้นภายในเดือนก.ค.นี้ เมื่อพิจารณา Valuation เทียบกับหุ้นขนาดกลาง-เล็กอื่นๆ ใน Coverage จะเห็นว่า SAMART เป็นหุ้นที่มีการเติบโตกำไรระยะ 3 ปีสูง 18%, Valuation ต่ำ ด้วย PE ต่ำกว่า 10x ปีหน้า และปันผลเฉลี่ย 2 ปีข้างหน้ามากกว่า 5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ