สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 69,220 ล้านบาทโดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 43,063 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 62.2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 15,107 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 21.8% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 736 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB236A และ LB21DA (รุ่นอายุ 4.9 ปี, 8.9 ปี และ 7.4 ปี ตามลำดับ)โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 9,384 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน)(CPALL16OA)มูลค่า 153.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บ้านปู(BANPU195A)มูลค่า 103.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี(ไทย) จำกัด(ICBCTL149A)มูลค่า 102.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 359.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,305 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 583 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,420 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.17% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3-20 ปี ประมาณ 1-2 bps. ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆ นักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งล่าสุดจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ของสหรัฐฯ (Jobless Claims) สิ้นสุดวันที่ 5 ก.ค. ปรับลดลง 11,000 ราย สู่ระดับ 304,000 ราย มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 5,420 ล้านบาท