"เรามองว่าทั้งปีรายได้คงจะลดลงจากปีก่อน เพราะสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นกระทบกับงานภาครัฐฯหลายๆงานชะลอออกไป แต่ภาพรวมของกำไรจะปรับตัวดีขึ้น เพราะจะขายกล่องได้เองโดยที่ไม่เกี่ยวขัองกับเรื่องคูปองที่ ทาง กสทช. จะแจก และการเติบโตของตู้บุญเติมที่มีการเติบโตค่อนข้างมาก ช่วยให้ภาพรวมกำไรปีนี้ปรับตัวดีขึ้น" นายพงษ์ชัย กล่าว
บริษัทตั้งเป้ายอดขาย Set top box ในปีนี้ไว้ที่ 3 แสนกล่อง คิดเป็นมูลค่าราว 300 ล้านบาท โดยช่วงก่อนหน้านี้ได้ผลิตออกมาวางตลาดแล้วในล็อตแรก 2 พันกล่องเพื่อเป็นการทดลองตลาด โดยไม่ได้รอการแจกคูปองสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคทีวีดิจิตอลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประกอบกับ รายได้ของตู้บุญเติมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/57 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯได้รับงานของการไฟฟ้าภูมิภาค(กฟภ.) มูลค่า 900 ล้านบาท และ การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาแล้วบางส่วน
นายพงษ์ชัย ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภทโคมไฟและหลอดไฟ LED เพื่อบุกตลาดทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเบื้องต้นได้จำหน่ายให้กับโครงการต่างๆ ของภาคเอกชนไปบ้างแล้ว อาทิ โครงการของ บมจ.แสนสิริ(SIRI) และโครงการของภาครัฐผ่านโครงการเปลี่ยนหลอดไฟถนนเยาวราชของ กฟน.ซึ่งบริษัทมองว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตอีกมาก เนื่องจากภาครัฐมีนโยบายเปลี่ยนหลอดไฟถนนทั้งประเทศ ยเบื้องต้นคาดว่าจำนวนมากถึง 1-2 ล้านดวง
ทั้งนี้ บริษัทยังคาดว่าจะใช้ระยะเวลาราว 4 ปี เพื่อผลักดันให้บริษัท Forth Lighting ที่ดูแลกิจการหลอดไฟเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นรายต่อไป
"เรามองว่าอนาคตบริษัท Forth Lighting จะมีการเติบโตอีกมากเพราะ LED เป็นหลอดที่สามารถประหยัดไฟได้มาก และมีโครงการทางภาครัฐฯที่คงจะออกมาให้มีการเปลี่ยนหลอดไฟ ซึ่งมีมูลค่าค่อนข้างมาก และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆที่เป็นโครงการใหม่ๆ รวมถึงคนที่ใช้หลอดไฟ อีกจำนวนมาก เราจึงเชื่อว่าอนาคตจะมีการเติบโตมาก และใน 4 ปี เราจะผลักดันให้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์"นายพงษ์ชัย กล่าว