ทั้งนี้ การบริหารงานของปตท.ได้มีการแยกท่อส่งก๊าซฯกับโรงแยกก๊าซฯอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การดำเนินการแยกธุรกิจท่อก๊าซฯ จะต้องทำด้วยความรอบคอบเพราะมีผลกระทบหลายด้าน โดยมีการศึกษารูปแบบจากหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และ ฝรั่งเศส เพื่อหารูปแบบที่เหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด และสิ่งสำคัญที่สุดจะต้องคำนึงถึงเรื่องความมั่นคงทางด้านพลังงานว่าหลังจากที่แยกธุรกิจท่อก๊าซฯออกมาแล้ว ใครจะเป็นผู้ดูแลการขนส่งก๊าซฯ และหากเกิดการขาดแคลนก๊าซใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ดาวเทียมติดตามการขนส่ง การกำหนดราคา ซึ่งจะต้องมีเงื่อนไขกติกาให้ชัดเจน
ส่วนความคืบหน้าการขายหุ้นโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง คือ โรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียม (SPRC) และโรงกลั่นของบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) โดยในส่วนของโรงกลั่น SPRC ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ ส่วนโรงกลั่นน้ำมัน BCP จะต้องรอความเห็นชอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาลเข้ามาตัดสินใจว่าจะมีนโยบายอย่างไร เนื่องจาก BCP เป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ จึงต้องรอนโยบายของภาครัฐก่อน