ทั้งนี้ บริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(MAI) และมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินลงทุนขยายธุรกิจ ก่อสร้าง และดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
บมจ. ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง ประกอบธุรกิจด้วยการลงทุนในบริษัทอื่น(Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯงวดไตรมาส 1/57 บริษัทฯมีรายได้รวม 64.12 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.86 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 1,285.08 ล้านบาท หนี้สินรวม 391.82 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น 785.71 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 มิ.ย.2557 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 401,200,000 บาท และเรียกชำระแล้ว 310,550,000 บาท หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วบริษัทฯจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 400 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของบริษัทฯ ณ วันที่ 27 พ.ค.2557 คือ บมจ.ไทยโพลีคอนส์(TPOLY) ถือหุ้น 205,549,960 หุ้นหรือคิดเป็น 66.19% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 51.39%
บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 จากกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาเงินได้และเงินสำรองต่าง ๆ ตามกฎหมาย
น.ส.อนงค์ ยุวะหงส์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่าได้ดำเนินการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนและแบบไฟลิ่งของ TPCH ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้วเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 โดยมีแผนที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกไอพีโอ) จำนวน 89,450,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22.36 ของทุนชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ โดยแบ่งเป็นจำนวนไม่เกิน 50,390,435 หุ้น เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) ตามสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละรายที่ถืออยู่ใน TPOLY (Pre-emptive right) ส่วนที่เหลืออีก 39,059,565 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 9.76 ของจำนวนหุ้นสามัญที่เรียกชำระแล้วทั้งหมดเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai)
สำหรับวัตถุประสงค์จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้หากสามารถปฏิบัติการตามแผนงานที่วางไว้ คาดว่าจะได้รับอนุมัติและเสนอขายหุ้นได้ภายในปี 2557 นี้
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการ TPCH กล่าวว่าบริษัทฯ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทต่างๆ โดยปัจจุบันมีเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่มีแผนดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวลเพียงอย่างเดียว จำนวน 8 บริษัท
บริษัทย่อยทั้ง 8 แห่งประกอบด้วยบริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด(CRB) ถือหุ้นร้อยละ 73.1 ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าชีวมวลจากต้นยางพาราและปาล์มน้ำมัน กำลังการผลิต 9.9/9.2 เมกกะวัตต์ ซึ่งได้ดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา และอีก 3 บริษัท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คือ บริษัท มหาชัย กรีน เพาเวอร์ จำกัด(MGP) ถือหุ้นร้อยละ 46 ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าชีวมวลจากมะพร้าว กำลังการผลิต 9.9/8 เมกกะวัตต์,บริษัท ทุ่งสัง กรีน จำกัด (TSG) ถือหุ้นร้อยละ 65 ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าชีวมวลจากต้นยางพารา และปาล์มน้ำมัน กำลังการผลิต 9.9/9.2 เมกกะวัตต์ และบริษัท แม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ จำกัด(MWE) ถือหุ้นร้อยละ 85 ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าแกลบ และชีวมวลจากไม้เบญจพรรณ กำลังการผลิต 9.9/ 8 เมกกะวัตต์
ส่วนอีก 4 บริษัท อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต คือ บริษัท พัทลุง กรีน เพาเวอร์ จำกัด (PGP) กำลังการผลิต 9.2 เมกกะวัตต์ ถือหุ้นร้อยละ 100,บริษัท สตูล กรีน เพาเวอร์ จำกัด (SGP) กำลังการผลิต 9.2 เมกกะวัตต์ ถือหุ้นร้อยละ 100,บริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด กำลังการผลิต 42 เมกกะวัตต์ ถือหุ้นร้อยละ 65 และบริษัท บางสะพานน้อย ไบโอแมส จำกัด (BBRP) กำลังการผลิต 8 เมกกะวัตต์ ถือหุ้นร้อยละ 85 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557)
สำหรับผลการดำเนินงานของ TPCH ที่ผ่านมา ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2556 มีรายได้รวมอยู่ที่ 180.25 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 15.76 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/2557 มีรายได้รวมอยู่ที่ 61.86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิมากถึง 15.86 ล้านบาท
"จากการที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน แสดงให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ที่ยังสามารถขยายตัวและเติบโตได้อีกมากในอนาคต ซึ่งเมื่อผนวกเข้ากับการเติบโตของภาคธุรกิจต่างๆ จึงถือเป็นโอกาสของบริษัทที่จะเติบโตตามไปด้วย และเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทมากยิ่งขึ้น การระดมทุนในครั้งนี้ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้ เพราะนอกจากได้เงินทุนมาสำหรับขยายธุรกิจและปรับฐานทุนของบริษัทให้มีความแข็งแรงแล้ว ยังทำให้ชื่อเสียงของ TPCH และบริษัทในเครือเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับ ในวงกว้างยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งทำให้มั่นใจว่าจากการระดมทุนในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจของมากยิ่งขึ้น “นายเชิดศักดิ์ กล่าว
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 401,200,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 401,200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และเรียกชำระแล้วจำนวน 310,550,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 310,550,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 400,000,000 บาท ซึ่งจะแบ่งเป็นหุ้นสามัญเดิม 310,550,000 หุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 89,450,000 หุ้น