สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 89,177 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 46,691 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 52.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 36,114 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 40.5% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,097 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB236A และ LB176A (รุ่นอายุ 4.9 ปี, 8.9 ปี และ 2.9 ปี ตามลำดับ)โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 23,298 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)(BAY164A)มูลค่า 341.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด(มหาชน)(GLOW19OA) มูลค่า 104.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)(SCC174A) มูลค่า 102.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 548.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,100 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,216 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 10,542 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.04% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.1% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.04%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-4 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury และจากแรงซื้อของนักลงทุน โดยพันธบัตรรัฐบาล ที่ประมูลวันนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 2.06 เท่าของวงเงินประมูล ล่าสุดประธาน Fed ส่งสัญญาณว่า จะยุติมาตรการ QE ในเดือน ต.ค.57 แต่ยังคงใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกระยะ จนกว่าตลาดแรงงานจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้ ยังคงมีแรงซื้อทั้งในพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว ยอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 10,542 ล้านบาท(ทั้งนี้ มูลค่าส่วนใหญ่เป็นการซื้อต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า)