ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการรับรองคุณภาพ Hospital Accreditation (HA) ชั้นที่ 1 จากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ในหลายสาขา ซึ่งใบรับรองดังกล่าวครบกำหนดอายุแล้ว อย่างไรก็ตาม ในปี 57 บริษัทมีแผนจะขอใบรับรองดังกล่าว เพื่อเป็นมาตรฐานและคุณภาพในการให้บริการ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความน่าเชื่อถือแก่องค์กรและสร้าง ความเชื่อมั่นแก่ผู้มาใช้บริการ ตลอดจนสามารถขยายการดำเนินงานให้เติบโตได้อย่างมีศักยภาพ
ปัจจุบัน (ณ เม.ย.57) LDC มีสาขาทั้งหมด 19 สาขา เป็นคลินิกทันตกรรมขนาดใหญ่ 8 สาขา ขนาดกลาง 11 สาขา และขนาดเล็ก 1 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และมีห้องทันตกรรมให้บริการรวม 105 ห้อง โดยในปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขา LDC Dental จำนวน 5 สาขา ซึ่งได้มีการลงทุนสาขาใหม่ 2 สาขาแล้ว คือสาขารามอินทรา กม.10(เปิดให้บริการเมื่อเดือน ก.ค.57 แล้ว)และสาขาศาลายา(คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในเดือน ต.ค.57) สำหรับสาขาใหม่ที่เหลือตามแผนข้างต้นนั้นบริษัทอยู่ระหว่างการสำรวจทำเลที่เหมาะสมทั้งในกรุงเทพฯและตามหัวเมืองจังหวัดใหญ่ในแต่ละภูมิภาค
"ผมมั่นใจว่า LDC มีความแตกต่างจากธุรกิจทันตกรรมอื่นๆ ทั่วไป เราเป็นคลินิกทันตกรรมรายแรกที่มีความพร้อมในการเข้าจด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอไอ ซึ่งการระดมทุนผ่านตลาดทุน ช่วยให้มีระบบตรวจสอบมีบรรษัทภิบาลที่ดี และเป็นที่น่าเชื่อถือ รวมทั้งสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว โดยการวางแผนเดินทางไปโรดโชว์ในหัวเมืองสำคัญจะทำให้นักลงทุนเข้าใจธุรกิจ LDC มากขึ้น"ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน LDC กล่าวว่า LDC ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.25 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.
บริษัทเตรียมพร้อมนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม ถึง 1 สิงหาคม 57 ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวม 10 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี, ราชบุรี, เชียงใหม่, อุบลราชธานี, นครราชสีมา, ขอนแก่น, พิษณุโลก, สงขลา, ภูเก็ต และกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการเสนอข้อมูลธุรกิจของ LDC ซึ่ง ถือเป็นธุรกิจทันตกรรมแบบครบวงจรรายแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอไอ
งวดปี 2556 LDC มีรายได้รวม 350.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2555 ที่มีรายได้รวม 315.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 11.07% ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2556 อยู่ ที่ 13.21 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 11.25 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 17.42% ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรมาจากอัตราการใช้บริการเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นโดยในปี 2556 บริษัทมีอัตราการเข้าใช้บริการเฉลี่ย 62.52% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดปี 2555 ที่มีอัตราการเข้าใช้บริการเฉลี่ย 53.28% ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนสาขา ส่งผลให้สามารถให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มผู้รับบริการมากขึ้น
ปัจจุบันบริษัท มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นทุนชำระแล้ว 70 ล้านบาท เป็นหุ้นจำนวน 280 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.25 บาท/หุ้น
"LDC วางแผนการเดินสายโรดโชว์ทั้งสิ้น 10 จังหวัด เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุนในภูมิภาค คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมรับฟังข้อมูลทั้งหมดกว่า 2,000 คน เนื่องจากบริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการมีมาตรฐานและ คุณภาพในการประกอบวิชาชีพ ทางทันตกรรมที่เฉพาะทาง รวมถึงการขยายสาขาที่ครอบคลุมทุกภูมิภาค ที่ถือเป็นการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มช่องทางในสัดส่วนรายได้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ และขยายศูนย์ทันตกรรมไปตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อรองรับการให้บริการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสการขยายธุรกิจได้อีกในอนาคต"นายสมภพกล่าว