ขณะที่นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ในไตรมาส 2/57 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 2,347 ล้านบาท ลดลง 208 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.13 จากไตรมาสก่อน แต่อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนการตั้งสำรองมีจำนวน 5,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 235 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.72 เป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น และการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่สินเชื่ออื่นๆที่ไม่ใช่สินเชื่อเช่าซื้อยังคงขยายตัวดี ถึงแม้ว่าสินเชื่อเช่าซื้อหดตัวลง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่เติบโตได้ในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังทั้งการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมถึง การตั้งสำรองที่มีแนวโน้มลดลง
นอกจากนี้ เมื่อเดือนมิถุนายนธนาคารได้ออกและเสนอขายตราสารด้อยสิทธิเพื่อนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์ Basel III มูลค่ารวมทั้งสิ้น 13,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อธนาคาร โดยตราสารดังกล่าวได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ได้ทั้งจำนวน ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 14.00 มาอยู่ที่ร้อยละ 15.59 เป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคาร และทำให้ธนาคารสามารถขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง