“LDC ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุนสนใจรับฟังข้อมูลและสอบถามความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ LDC เป็นคลินิกทันตกรรมรายแรก ที่มีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ซึ่งการระดมทุนผ่านตลาดทุนช่วยให้บริษัทสามารถขยายสาขาให้บริการได้มากขึ้น และเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีสาขาให้บริการครอบคลุมเขตพื้นที่ชุมชนของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และเราไม่มีปัญหาการขาดแคลนบุคลากร เพราะเรามีศูนย์ฝึกอบรมผู้ช่วยทันตกรรมภายใต้การบริหารงานของบริษัทเอง"ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน LDC ว่า ขณะนี้ LDC อยู่ระหว่างการพิจารณาแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์จากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)จำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.25 บาท
บริษัทมีแผนการนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนใน 10 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี, ราชบุรี, เชียงใหม่, อุบลราชธานี, นครราชสีมา, ขอนแก่น, พิษณุโลก, สงขลา, ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ขณะนี้ได้เดินทางไปแล้ว 2 จังหวัด คือ ชลบุรีและราชบุรี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุน ทั้งนี้ LDC จะเดินทางไปโรดโชว์ต่อนักลงทุนระหว่างวันที่ 18 ก.ค.ถึง 1 ส.ค.57 นี้ เพื่อเป็นการนำเสนอข้อมูลธุรกิจของ LDC ซึ่งถือเป็นธุรกิจทันตกรรมแบบครบวงจรรายแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ
“LDC เดินสาย โรดโชว์ 2 จังหวัดแรก นักลงทุนในความสนใจเราล้นหลาม มีนักลงทุนรวมกันกว่า 500 คน หากเดินสายครบทั้งสิ้น 10 จังหวัด คาดว่าจะมีนักลงทุนเข้ารับฟังข้อมูลรวมกันกว่า 2,000 คน และมั่นใจว่า LDC จะเป็นหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างสูง และจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน"นายสมภพ กล่าว
ด้านนายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยในฐานะผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น LDC ว่า การนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากธุรกิจทันตกรรมเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตสูง
“ธุรกิจ ของ LDC เป็น ธุรกิจทันตกรรมแห่งแรก ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ซึ่งขณะนี้ไม่มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยที่ประกอบธุรกิจลักษณะนี้ถือว่า LDC เป็นบริษัทที่น่าสนใจอย่างมาก การโรดโชว์เพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนใน 2 จังหวัดแรกนับว่าได้รับความสนใจดีมาก การให้ข้อมูลแก่นักลงทุนมีเป้าหมายหลักคือการทำให้รู้จัก และเข้าใจลักษณะการดำเนินธุรกิจของ LDC มากยิ่งขึ้น การขยายตัวและทิศทางการ เติบโตของธุรกิจที่มีอนาคตสาเหตุจากผู้ที่ ต้องการเข้าถึงบริการทันตกรรมเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งรับรู้วิสัยทัศน์ของผู้บริหารแผนการดำเนินงาน และศักยภาพการเติบโต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย เชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้ทั้ง 10 จังหวัด"นายวิชากล่าว
ปัจจุบัน (ณ เมษายน 57) LDC มีสาขาทั้งหมด 19 สาขา เป็นคลินิกทันตกรรมขนาดใหญ่ 8 สาขา ขนาดกลาง 11 สาขา และขนาดเล็ก 1 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และมีห้องทันตกรรมให้บริการรวม 105 ห้อง โดยในปี 57 บริษัทมีแผนขยายสาขา LDC Dental จำนวน 5 สาขา ซึ่งได้มีการลงทุนสาขาใหม่ 2 สาขาแล้ว คือสาขารามอินทรา กม.10 (เปิดให้บริการเมื่อเดือนกรกฎาคม 57 แล้ว) และ สาขาศาลายา (คาดว่าจะ เปิด ให้บริการได้ภายในเดือนตุลาคม 57) สำหรับ สาขา ใหม่ที่เหลือตามแผนข้าง ต้นนั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการสำรวจ ทำเลที่เหมาะสมทั้งใน กรุงเทพฯ และตามหัวเมืองจังหวัด ใหญ่ในแต่ละภูมิภาค
ในปี 56 บริษัทมีอัตราการเข้าใช้บริการเฉลี่ย 62.52% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดปี 55 ที่มีอัตราการเข้าใช้บริการเฉลี่ย 53.28% ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนสาขา ส่งผลให้สามารถให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มผู้รับบริการมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นทุนชำระแล้ว 70 ล้านบาท เป็นหุ้นจำนวน 280 ล้าน หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.25 บาท/หุ้น