ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 395,400 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 21, 2014 17:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์(14 – 18 กรกฎาคม 2557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 395,400 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 79,080 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 5% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 63% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 247,910 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย(ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง(Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 116,406 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน(Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 7,135 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A(อายุ 4.9 ปี) LB236A(อายุ 8.9 ปี) และ LB176A(อายุ 2.9 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 45,646 ล้านบาท 18,484 ล้านบาท และ 16,599 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB14O16B(อายุ 91 วัน) CB14805A(อายุ 14 วัน) และ CB14O30A(อายุ 104 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 29,503 ล้านบาท 24,496 ล้านบาท และ 13,902 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน) รุ่น DTAC167A (AA) มูลค่าการซื้อขาย 826 ล้านบาท หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) รุ่น BAY164A(AAA) มูลค่าการซื้อขาย 662 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) รุ่น PTTEP296A(AAA) มูลค่าการซื้อขาย 533 ล้านบาท

อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาล ปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้น ในช่วงประมาณ -3 ถึง -11 Basis Point(100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ตามทิศทางของเงินทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจในแถบภูมิภาคยุโรปที่ยังคงเปราะบาง จะเห็นได้จากกรณีความไม่แน่นอนในเสถียรภาพของธนาคารบังโค เอสปิริโต ซานโต ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของโปรตุเกส บวกกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่าง อิสราเอล – ปาเลสไตน์ ทำให้นักลงทุนบางส่วนที่เคยลงทุนในภูมิภาคดังกล่าวโยกเงินไปสู่ภูมิภาคอื่น รวมถึงในแถบเอเชีย เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น จากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของไทย ส่งผลให้ Yield ของพันธบัตรไทยปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท(ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 40,837 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น(อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 17,961 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 22,876 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดขายสุทธิ 25 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ