"บริษัทมีเป้าหมายชัดเจนในการขยายฐานลูกค้า เพื่อให้คนไทยได้ใช้เครื่องกรองน้ำ คุณภาพดีทุกครัวเรือน จากการคิดค้นและพัฒนาจากบริษัทซึ่งเป็นบริษัทคนไทยแท้ มีประวัติและประสบการณ์ความชำนาญที่สะสมมายาวนาน ในปีนี้บริษัทจึงวางแผนในการสื่อสารกับลูกค้า โดยเน้นการสร้างแบรนด์ "SAFE" เพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักและจดจำได้มากขึ้น ด้วยที่ผ่านมาบริษัทจะเน้นการขายแบบตรง มีพนักงานขาย Knock door ตามบ้าน จึงไม่ได้พึ่งสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่มุ่งเน้นในการอบรมพนักงานขายซึ่งเสมือนเป็นสื่อหลักสำหรับตลาดขายตรง" นางสาวสวิตา กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีฐานลูกค้าประมาณหนึ่งล้านครัวเรือนทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งยังมองเห็นโอกาสของการขยายฐานลูกค้าได้อย่างมหาศาล โดยแผนการเพิ่มช่องทางการขายใหม่ของบริษัทจะขยายไปในกลุ่มห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (Modern Trade), การขายผ่านช่องทางโครงการอสังหาริมทรัพย์ (Project) และช่องทางอื่นๆ เช่น E-commerce และ Tele Sale ซึ่งบริษัทได้ลงทุนระบบและฝึกพนักงานเพื่อขายและให้บริการต่อเนื่อง ทั้งนี้ในส่วนโครงการก็เริ่มต้นไปบ้างแล้วกับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอตี้ จำกัดและออฟฟิต เมท ส่วนช่องทางอื่นอยู่ระหว่างการดำเนินการและคาดว่าจะเริ่มเห็นความคืบหน้าอย่างชัดเจนภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
สำหรับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับการขยายช่องทางการขายใหม่ จะเน้นพัฒนาด้านดีไซน์และคุณสมบัติให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อให้ได้เครื่องกรองน้ำคุณภาพตามมาตรฐานของบริษัท เช่นใน เรื่องสารกรองที่สามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อน สารพิษและกำจัดแบคทีเรีย โดยมีการเสริมแร่ธาตุธรรมชาติ เช่นแคลเซียมและแมกนีเซียม ด้วยชั้นกรองหินแร่ธรรมชาติ โดยในบางรุ่นจะเป็นเครื่องกรองน้ำที่ใช้พลังแร่อัลคาไลน์ ที่ผ่านกระบวนการพิเศษทำให้ช่วยปรับสภาพน้ำให้มีความเป็นด่างอ่อนๆ ช่วยปรับสมดุลภายในร่างกาย
บริษัทตั้งเป้าหมายจะวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในปีนี้ 4 รุ่น ได้แก่ รุ่นเหยือก Ecomize, Alkaline Mini, UV Plus และ RO Mineral นอกจากนี้ บริษัท เตรียมสาขาสำนักงานขายเพิ่มขึ้นเป็น 6 สาขา จาก 3 สาขาในปีก่อน ได้แก่ ร้อยเอ็ด, นครศรีธรรมราช และเชียงใหม่ พิษณุโลก อุดรราชธานี ฉะเชิงเทรา และศูนย์บริการลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 8 สาขา จาก 3 สาขาในปีก่อน ได้แก่ นครราชสีมา, ชลบุรี นครสวรรค์ เพชรบุรี ลพบุรี อุบลราชธานี สงขลา และขอนแก่น ให้ครอบคลุมพื้นที่ขายและการบริการทั่วประเทศ
พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัว "ป๋อ ณัฐวุฒิ สะกิดใจ" ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกับวางกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และโฆษณาอื่นๆ ให้ครอบคลุมทั้งสื่อประเภทต่างๆ ซึ่งตอนนี้ก็ได้เริ่มโฆษณาบนรถโดยสารประจำทาง (ยูโร), ป้ายบิลบอร์ด สื่อประเภท Social Network เร็วๆนี้จะเพิ่มเติมกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย อย่างไรก็ดี บริษัท ยังคงให้ความสำคัญกับช่องทางการขายเดิม (ขายตรง) ให้เติบโตควบคู่กันกับช่องทางการขายใหม่ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายรวมในปีนี้ทั้งสิ้น 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน ทั้งนี้ยอดขายจากช่องทางการขายใหม่ยังไม่มากนักและจะเริ่มรับรู้รายได้อย่างเต็มที่ในปี 58 เป็นต้นไป