นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ KBANK กล่าวถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีที่เหลือว่า ธนาคารจะเน้นเรื่องการช่วยเหลือลูกค้าในทุกวิกฤติที่เกิดขึ้นตามสโลแกน “K SME ช่วยเต็มที่ SME มีแต่ได้" และพร้อมให้การสนับสนุนทั้งวงเงินสินเชื่อ การให้คำปรึกษา และการสร้างเครือข่ายให้แข็งแกร่ง เพื่อจะช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมั่นคง
ทั้งนี้ ในปี 57 ธนาคารคงเป้าหมายยอดสินเชื่อคงค้างของกลุ่มลูกค้า SME ราว 553,448 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 6.8% มีรายได้รวม 39,040 ล้านบาท เติบโต 10.7% และสัดส่วน NPL อยู่ที่ 2.62%
เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา ธนาคารจึงได้มีการปรับประมาณการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้อยู่ที่ 2.3% ด้วยทิศทางดังกล่าว ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ต่ำจากนโยบายการคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระดับ 7% ต่อไป ขณะที่เศรษฐกิจและการค้าโลกมีการฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย น่าจะส่งผลดีต่อการส่งออก และช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้นตามไปด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานของสายงานธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ SME ครึ่งแรกปี 57 ธนาคารฯ มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 538,401 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 11.3% มียอดรายได้รวม 19,498 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 14.3% ขณะที่สัดส่วน NPL ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.66% ลดลงจากสิ้นปี 56 ซึ่งอยู่ที่ 2.82%
จากยอดสินเชื่อในครึ่งปีแรก เป็นวงเงินสินเชื่อใหม่ 143,403 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันในปีก่อน 13.9% จำนวนนี้เป็นการปล่อยสินเชื่อใหม่เฉพาะเดือน มิ.ย.35,590 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 2 ปี สะท้อนให้เห็นว่า SME มีความเชื่อมั่นต่อสภาพเศรษฐกิจมากขึ้น จึงต้องการสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจและเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งธนาคารฯ สามารถขยายฐานลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ คิดเป็นสัดส่วน 24% ของวงเงินสินเชื่อใหม่ทั้งหมด
ด้านผลสรุปมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง จำนำข้าว และหนี้ครัวเรือน ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาธนาคารฯ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือพักชำระเงินต้นนานสูงสุด 6 เดือนให้กับลูกค้าจำนวน 534 ราย มียอดสินเชื่อรวม 10,981 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันลูกค้ากลุ่มนี้สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติแล้วจำนวน 449 ราย เป็นยอดสินเชื่อรวม 8,989 ล้านบาท คิดเป็น 82% ของยอดสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือทั้งหมด