นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร RICHY เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดเปิดให้จองหุ้นเพิ่มทุน IPO ระหว่างวันที่ 28-30 ก.ค.นี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในวันที่ 4 ส.ค.57 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "RICHY"โดยมี บล.แอพเพิล เวลธ์ เป็นแกนนำจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ร่วมกับโบรกเกอร์อีก 5 แห่ง ได้แก่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป, บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.ไอร่า, บล.โนมูระ พัฒนสิน และบล.ฟินันเซีย ไซรัส
การระดมทุนในครั้งนี้จะนำเงินไปใช้ในการขยายโครงการใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของการขนส่งระบบรางที่ภาครัฐยังคงมีนโยบายสร้างส่วนต่อขยายอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความต้องการที่อยู่อาศัยยังเติบโตตลอดเวลาเนื่องจากเป็น 1 ในปัจจัย 4 จึงเป็นโอกาสให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตได้อย่างดี โดยปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการทั้งสิ้น 9 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่ปิดการขายแล้ว 3 โครงการ และมีโครงการที่เปิดขายอยู่ 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการ 6,270 ล้านบาท และเตรียมเปิดโครงการใหม่ตามแนวรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
"จากราคาเสนอขายหุ้นละ 3.30 บาท เรามีการคิดราคารวม discount แล้ว ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับ P/E กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่ 17 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยที่ผ่านมาก็มีโบรกเอร์หลายรายได้ในความเห็นว่าราคาน่าจะอยู่ในระดับ 3.50 บาท หรือมากกว่าราคาที่เรากำหนด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะได้รับความสนใจอย่างมากแก่นักลงทุน ซึ่งเห็นได้จากการที่บริษัทฯออกไปโรดโชว์ ก็มีกระแสการตอบรับที่ดี ประกอบกับภาวะตลาดในช่วงนี้มีแนวโน้มที่สดใส รวมถึงบริษัทฯเรามีผลการดำเนินงานที่ไม่เคยขาดทุน โดยมีกำไรมาโดยตลอดในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และในอนาคต 4 ปีข้างหน้านี้ (56-59) โครงการแนวราบและแนวสูง มูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท จะสามารถส่งมอบอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี"
นางอาภา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1,205.92 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาจากโครงการ ริชพาร์ค 2 แอท เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท กำหนดรับรู้รายได้ 80-90% ในปีนี้หรือราว 1,000 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว The Rich Ville ราชพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท
ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปี 56 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 211.43 ล้านบาท และจะยังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ประมาณ 36% ใกล้เคียงกับปีก่อน
นางอาภา กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องด้วยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาผู้บริโภคส่วนใหญ่ขาดความเชื่อมั่น จากภาวะทางการเมืองและเศรษฐกิจหดตัว ทำให้มีการชะลอการตัดสินใจซื้อ และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็ชะลอเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก โดยเมื่อเหตุการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น ก็น่าจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย และคาดว่ายอดขายโครงการคอนโดมิเนียมครึ่งปีหลังนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ทั้งปี 56 มียอดขาย 80,000 ยูนิต
ด้านนายโชษิต เดชวนิชยนุมัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. แอพเพิล เวลธ์ จำกัด ในฐานะแกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน RICHY กล่าวว่า การกำหนดราคา IPO ที่ 3.30 บาทโดยเสนอขายจำนวน 214 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) 1 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน โดยราคา 3.30 บาท Discount 9% จาก P/E ย้อนหลัง 12 เดือนของกลุ่ม โดย P/E กลุ่มอยู่ที่ 17 เท่า
ทั้งนี้ จากการผลการดำเนินงานของ RICHY ที่ผ่านมาถือว่ามีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทุกโครงการมีจุดเด่นในเรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า รวมถึงยังมีจุดเด่นในด้านของความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่น มั่นใจว่าจะได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุน