นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช.มีมติเป็นเอกฉันท์ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการต่อโครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล โดยกำหนดมูลค่าคูปองที่จะนำแจกให้กับประชาชนเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่โทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลที่ราคา 690 บาทต่อครัวเรือน โดยแผนการแจกคูปองจะมีทั้งสิ้น 22.9 ล้านครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าขั้นต่ำของการประมูลทีวิดิจิตอลราว 15,801 ล้านบาท สามารถนำไปเป็นส่วนลดในการแลกซื้อโทรทัศน์ระบบดิจิตอล และอุปกรณ์แปลงสัญญาณระบบดิจิตอล (Set Top Box) มาตรฐาน DVB-T2
"วันนี้ที่มูลค่าคูปองที่ออกไป ไม่ได้สะท้อนราคากล่องแต่อย่างใด แต่เป็นมูลค่าคูปองที่จะส่งผ่านให้กับประชาชนในการเปลี่ยนผ่าน ฉะนั้นประชาชนสามารถนำมูลค่าคูปองไปแลกได้ 2 อย่าง คือ ส่วนลดของทีวีดิจิตอล และกล่องดิจิตอล ยืนยันว่าในส่วนนี้ไม่ใช่การกำหนดราคากลาง"นายฐากร กล่าว
ทั้งนี้ กสทช.คาดว่าจะเริ่มแจกคูปองดังกล่าวได้ในช่วงเดือน ก.ย.นี้เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นจะมีการแจกใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพฯและปริมณฑล จ.เชียงใหม่ จ.สงขลา และ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นจังหวัดที่โครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิตอลสามารถเข้าถึงได้แล้ว วิธีการแจกจะจัดส่งคูปองผ่านไปรษณีย์ ยึดฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์กับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ส่วนการจัดพิมพ์คูปองจะจ้างหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะต้องมีมาตรการป้องกันการปลอมแปลงที่เหมาะสม และคุ้มค่างบประมาณ ขณะที่ได้กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดพิมพ์ จัดส่งและเรียกเก็บเงินจาก กสทช.โดยใช้จ่ายเงินจากสำนักงาน กสทช.ในการดำเนินการ คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนราว 150 ล้านบาท
ขณะที่วิธีการนำคูปองไปแลกหรือใช้คูปองเป็นส่วนลดนั้น ประชาชนจะต้องนำบัตรประชาชนพร้อมกับคูปองที่ได้รับไปขอแลก ณ จุดให้บริการ หลังจากมีการแลกเสร็จสิ้นจะต้องนำสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บนกล่อง มาติดบนคูปองเพื่อมาขึ้นเงินกับทางสำนักงาน กสทช.ต่อไป ซึ่งสติ๊กเกอร์ดังกล่าวจะเป็นตัวยืนยันการรับประกันกล่องภายในระยะเวลา 2 ปีด้วย
พร้อมกันนี้ ที่ประชุม กสทช.วันนี้ยังมีมติให้สำนักงาน กสทช.ไปกำหนดคุณสมบัติของบริษัทที่จะร่วมในการดำเนินการตามโครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลมาเสนอที่ประชุม กสทช.พิจารณาอีกครั้ง
สาระสำคัญคือ เงินวางประกัน ทุนจดทะเบียน จุดจำหน่าย และจุดให้บริการหลังการขายที่เพียงพอ และการกำหนดคุณสมบัติจะต้องไม่เป็นการกีดกันผู้ให้บริการรายย่อย ขณะที่ก่อนการเริ่มประชุมได้มีหนังสือจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ว่าควรจะให้ประชาชนมาลงทะเทียนเพื่อยืนยันสิทธิก่อน โดยใช้จุดลงทะเบียนกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อป้องกันการทุจริตที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวทาง กสทช.มีมติให้นำความเห็นของ สตง.ประกอบการพิจารณาในที่ประชุมของ คสช.
อย่างไรก็ตาม กสทช.กำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 30 ก.ค.นี้ เพื่อพิจารณาหนังสือที่จะยกร่างเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป